ในปัจจุบันเมื่อผู้เล่นโป๊กเกอร์มีความเข้าใจในเชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวคิดของเกม โดยเฉพาะจากการศึกษาทฤษฎีเกม (Game Theory Optimal – GTO) ทำให้โลกของโป๊กเกอร์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในแนวคิดสำคัญที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้สำหรับผู้เล่นยุคใหม่ก็คือ “Blocker” ซึ่งถือเป็นเครื่องมือทางกลยุทธ์ที่ทรงพลังมากในสถานการณ์ต่างๆ
หากคุณเคยดูคลิปวิดีโอของโปรโป๊กเกอร์ระดับโลก หรือการวิเคราะห์แฮนด์ จะสังเกตได้ว่าแนวคิด “Blocker” ถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง เพราะมันมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจที่แม่นยำ โดยเฉพาะในช่วงท้ายของเกม เช่น turn และ river
แม้แนวคิดนี้จะถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าใจและประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับผู้เล่นที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาเชิงกลยุทธ์ของโป๊กเกอร์ อาจรู้สึกว่านี่เป็นแนวคิดที่เข้าใจยาก
ดังนั้นบทความนี้จะพาคุณเจาะลึกตั้งแต่พื้นฐานว่า “Blocker คืออะไร?”, “ใช้เมื่อไหร่?” และ “จะนำมาใช้ในการตัดสินใจได้อย่างไรให้เกิดความได้เปรียบสูงสุด?”
Blocker ในโป๊กเกอร์คืออะไร?
ก่อนเข้าสู่การประยุกต์ใช้เชิงกลยุทธ์ เราต้องเข้าใจก่อนว่า Blocker คืออะไร?
ในโป๊กเกอร์ Blocker คือ ไพ่ที่คุณถืออยู่ ซึ่งมีผลต่อความน่าจะเป็นที่คู่ต่อสู้จะถือไพ่บางชุดอยู่ใน Range ของเขา โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่คุณกำลังวิเคราะห์ว่าเขาอาจมีมือที่แข็งแกร่ง หรืออาจกำลัง Bluff
พูดให้เข้าใจง่ายขึ้น ไพ่บางใบในมือของคุณ สามารถลดจำนวนคอมโบที่เป็นไปได้ สำหรับคู่ต่อสู้ เช่น:
ถ้าคุณถือ A♠ ในสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้อาจ Bluff ด้วย Nut Flush Draw (เช่น A♠X♠) คุณจะตัดความเป็นไปได้ส่วนหนึ่งนั้นออกไปจาก Range ของเขา และนั่นอาจเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจว่าจะ Call หรือ Fold
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเจอกับ Polarized River bet (การ bet ที่หมายถึงมีแค่ Bluff หรือ Value hand เท่านั้น) การที่คุณถือไพ่ที่เป็น Blocker ต่อ Value range ของคู่ต่อสู้ (เช่น Blocker ต่อ Nut Straight หรือ Nut Flush) จะเพิ่มความเป็นไปได้ว่าเขาอาจกำลัง Bluff อยู่มากกว่าในเชิงสถิติ ในทางกลับกัน ถ้าคุณถือไพ่ที่ Blocker ต่อ Bluff range ของเขา ก็อาจหมายความว่าเขาน่าจะมี Value hand จริงมากกว่า
พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีไพ่ที่แข็งแกร่ง และการ Bet นี้น่าจะเป็น Value-Bet ได้มากขึ้น
Blocker ในทฤษฎี GTO
แนวคิด Blocker ถูกพัฒนาขึ้นอย่างลึกซึ้งในบริบทของ GTO (Game Theory Optimal) โดยอิงจากข้อมูลที่ได้จากโปรแกรม Solver ซึ่งเป็นเครื่องมือที่วิเคราะห์แผนการเล่นต่างๆ อย่างสมดุลและแม่นยำ
ผู้เล่นที่ศึกษาผลลัพธ์จาก Solver จะพบว่า บางมือที่ดูคล้ายกันอาจถูกใช้ต่างกัน เช่น บางสี บางดอก เหมาะกับการ Call แต่บางแบบอาจต้อง Fold ทั้งนี้เพราะ Blocker มีผลต่อการกำหนดว่าใน Range ของคู่ต่อสู้จะมี Combo ไหนได้มากน้อยแค่ไหน
นักเล่นที่ศึกษาจาก GTO อย่างลึกซึ้งจะใช้ Blocker เป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจเสมอ โดยพยายามเลือก Bluff ด้วยไพ่ที่ Block Value range ของคู่ต่อสู้ และเลือก Call ด้วยไพ่ที่ Block Bluff range ของเขา
Blocker ในโลกแห่งความจริง
แม้ GTO จะเป็นกรอบแนวคิดที่สมบูรณ์แบบในทางทฤษฎี แต่โลกของโป๊กเกอร์จริงนั้นเต็มไปด้วยความไม่สมดุลของผู้เล่น
ผู้เล่นบางคนอาจ Bluff น้อยเกินไป ในหลายสถานการณ์ ทำให้ Value-heavy range ของพวกเขาน่าเชื่อถือมากกว่าค่าเฉลี่ย
ในขณะที่ผู้เล่นบางกลุ่มอาจ Bluff มากเกินไป โดยไม่สนใจบาลานซ์ใน Range ของตนเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ แนวคิด GTO อย่าง Blocker จึงอาจไม่มีน้ำหนักมากเท่าที่ควร หากไม่ได้จับคู่กับการสังเกตพฤติกรรมจริงของคู่ต่อสู้ คุณควรนำ Blocker ไปใช้ควบคู่กับการปรับแผนแบบ Exploitative เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
สรุป
Blocker คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การตัดสินใจในโป๊กเกอร์เฉียบคมขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ในสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้มี Range กว้าง หรือเมื่อเผชิญหน้า Bet ขนาดใหญ่ในจุดที่ Polarized
อย่างไรก็ตาม การใช้ Blocker อย่างได้ผลไม่ใช่แค่การรู้ว่าไพ่ไหนบล็อกอะไร แต่ต้องประกอบด้วยความเข้าใจสถานการณ์ คู่ต่อสู้ และภาพรวมของเกม ณ ขณะนั้นด้วย
เพราะในโป๊กเกอร์ บางครั้งการตัดสินใจที่ดี ไม่ได้มาจากไพ่ที่คุณมีเท่านั้น แต่จากสิ่งที่คุณ รู้ว่าเขาไม่มี ต่างหาก