ผู้เล่นสเตคสูงมีอาวุธลับอย่างหนึ่ง ถ้าใช้เป็นจะทำให้:
- บลัฟแล้วคู่แข่งหมอบบ่อยขึ้น
- วาลูเบ็ตแล้วได้คอลมากขึ้น
- ทำ Hero Call ได้ถูกต้องบ่อยขึ้น
อาวุธนั้นคือ “Hand Combinations” (เรียกสั้นๆ ว่า Combos หรือบางทีพูดถึงในมุม Blockers) คือผลของการ “ตัดไพ่” ที่เกิดขึ้นจากไพ่ในมือเรา ซึ่งไปลดจำนวนความเป็นไปได้ของไพ่ในมือคู่ต่อสู้ หลายคนเคยได้ยินเรื่องนี้ในบริบท Preflop แต่บทความนี้จะพาไปดูว่าแค่คิดเรื่อง Blockers ให้ถูกหลัง Flop ก็ทำให้แผนการของเราสำเร็จได้บ่อยขึ้น โดยจะยกมือจริงเป็นตัวอย่างให้เห็นภาพ
เริ่มจากพื้นฐาน: Combos คืออะไร?
Combos คือจำนวนชุดไพ่ที่เป็นไปได้ของมือเริ่มต้นหนึ่งๆ ในสำรับมีไพ่ 52 ใบ (13 หน้าไพ่ x 4 ดอก) จึงมี 16 Combos สำหรับมือสองใบที่ไม่คู่ (Offsuit + Suited รวม) แยกย่อยเป็น Offsuit 12 Combos และ Suited 4 Combos ส่วน Pocket Pair มี 6 Combos ทั้งหมดรวมกันแล้วมี 1,326 Combos ของมือเริ่มต้นตั้งแต่ AA ถึง 32o
นี่คือเหตุผลหนึ่งที่มือ Suited มีมูลค่า โอกาสติด Flush ยากและแข็ง เมื่อเริ่มจาก Suited คุณมี “เส้นทาง” ไปสู่มือที่ชนะพอตใหญ่ได้ดี แถมมือ Suited มัก Realize Equity ได้ดีกว่า Offsuit เพราะ Flop Draw ได้
เครื่องมือช่วยคำนวณ Combos
ถ้าต้องการดู Combos เร็วๆ ใช้โปรแกรม Matrix อย่าง Poker Equilab หรือ Equilab เปิด “Display # of combos” แล้วไฮไลต์มือ ระบบจะแสดงจำนวน Combos ของมือนั้นๆ และใต้สไลเดอร์จะแสดง “รวมของเรนจ์” เป็นจำนวน Combos กับเปอร์เซ็นต์ของทั้งสำรับ
Combinatorics หลัง Flop
หลักการเดียวกันใช้กับ Postflop ได้เช่นกัน สมมติเรากำหนดเรนจ์ Preflop ไว้ชุดหนึ่ง แล้วใส่ Flop A-T-5 เปิด “Display card removal” จะเห็นว่า “จำนวน Combos ที่เหลือ” ของทั้งเรนจ์หดลงเพราะไพ่บนบอร์ดไป “ตัด” ความเป็นไปได้บางส่วนออก นี่แหละคือหัวใจของ Combinatorics หลัง Flop
ตัวอย่างจริง: การนับ Top Pair
มาดูตัวอย่างให้ชัด สมมติผู้เล่นชื่อ Rafi คอล Preflop ด้วยเรนจ์หนึ่ง พอเปิด Flop T-3-2 (สองใบดอกเดียวกัน) ลองนับดูใน Matrix จะเห็นว่า Rafi มี Top Pair ประมาณ 15 Combos แต่ “ไม่มีคู่เลย” 36 Combos นั่นคือในกลุ่มมือไม่คู่ของเขาเพียงราว 29% ที่จะกลายเป็น Top Pair บนบอร์ดนี้ การมองแบบนี้ทำให้เรา “บีบ” เรนจ์คู่ต่อสู้ได้ดีขึ้น
Flush Draw และผลกระทบของไพ่บนบอร์ด
ดูเรื่อง Flush Draw ในตัวอย่าง Rafi จะมี Diamond Draw 9 Combos จาก 93 มือที่มาถึง Flop นี้ เหตุที่จำนวนไม่เยอะเพราะ T บนบอร์ดเป็นไดมอนด์แล้ว หากสองใบล่างเป็นไดมอนด์แทน จำนวน Draw จะเพิ่มขึ้นอีก ~5 Combos (AT–T9 บางชุด) รวมเป็น 14 ประมาณ 15% เพิ่มขึ้นเกือบ 50% ทีเดียว
การเปลี่ยนใบ Turn ก็ “ตัด/เพิ่ม” Combos Flush ได้แรง เช่น ถ้า Turn = J♦ จำนวนคอมโบ Flush จะเหลือ 5 จาก 89 (≈6%) เพราะ Draw บางส่วนมี J♦ อยู่ แต่ถ้า Turn = 4♦ จะเพิ่มเป็น 9 จาก 90 (≈10%) เกือบเท่าตัว ให้สังเกตไพ่ Turn ดอกเดียวกันที่ “กระทบเรนจ์แรง” เช่นตัว J แบบนี้ แล้วใช้จังหวะนั้นให้เป็นประโยชน์
Set: มือที่เกิดยากแต่แข็งแรง
Set มีค่ามากเพราะ “เกิดยาก” เมื่อมี 3 และ 2 อยู่บนบอร์ด คู่ 33/22 จาก Preflop จะเหลือเพียงฝ่ายละ 3 Combos (จาก 6) ความเข้าใจนี้สำคัญเวลาเราถูก “แทนค่า” ว่าอีกฝั่งมี Set หลายครั้งเขามีมันได้ “น้อยมาก”
สมมติ Rafi Raise Flop ใส่ C-bet ของเรา โดยให้กลุ่ม Value มีแต่ 33/22 และมีบลัฟปน 44 บ้าง เรนจ์ Raise จะเป็น Value:Bluff ราว 50:50 หากเรายิง $75 ใส่พอต $100 แล้วโดน Raise เป็น $225 เราต้องการ Equity แค่ ~27% เพื่อคอล ลองคำนวณ Overpair อย่าง JJ ใส่เรนจ์ {44,33,22} จะได้ Equity ~49% ซึ่งชี้ชัดว่าควรคอล Flop
ใช้ Blockers เพื่อเลือก River Bluff ที่ดี
ต่อไปดูวิธีใช้ Blockers เพื่อ “เลือก” River Bluff ให้ดี สมมติแฮนด์ 50NL, 100BB Effective เราเปิดจาก BTN โดน BB คอล บอร์ดวิ่ง A-T-7 / 2 / 2 เรายิงสามถนนได้หรือควรบลัฟด้วยมือไหน?
ขั้นแรก กะประมาณ BTN RFI Range และ BB Defend Range ก่อน ใช้เครื่องมืออย่าง Poker Ranger จะเห็นว่า Value ที่ยิง 3 ถนนมีประมาณ AJ+ รวม 63 Combos เพื่อไม่ให้ถูก Exploit เราควร “บาลานซ์” ด้วยจำนวนบลัฟบางส่วน
นี่คือที่มาของ Blockers เราเลือกบลัฟด้วยมือที่ “บล็อก” คอมโบคอลของคู่แข่ง เช่น เลือก J9/J8/98 จะไปบล็อกคอมโบ Ax อย่าง AJ/A9 ในเรนจ์คอลของเขา ทำให้ความน่าจะเป็นที่เขาจะมี “คอลที่แข็ง” ลดลง และมือเหล่านี้ยังมีเส้นทางกลายเป็น Nuts ได้ตั้งแต่เทิร์น/ริเวอร์ (เช่นบน A-T-7 เทิร์น Q/9/8 บางใบ)
สัดส่วนบาลานซ์ Value:Bluff
เรื่องสัดส่วนบาลานซ์แบบ “คอมโบต่อคอมโบ” ถ้าเราเบ็ตริเวอร์ “เต็มพอต” คู่แข่งได้ออดด์ 2:1 เราควรมีสัดส่วน Value:Bluff ≈ 2:1 เพื่อไม่ให้โดน Exploit ด้วยทฤษฎี ดังนั้นถ้า Value มี 63 Combos บลัฟควรมาราว 31–32 Combos
ในตัวอย่าง เซ็ตบลัฟที่ทำเครื่องหมายไว้มีถึง ~52 Combos เราจึงต้อง “ทอน” บลัฟทิ้งสัก ~20 Combos เพื่อให้ใกล้บาลานซ์ แต่ในเกมจริง โดยเฉพาะสเตคต่ำ ไม่จำเป็นต้อง “เป๊ะตัวเลข” แค่ใกล้เคียงและมีเหตุผลก็พอ
สรุป
Hand Combinations คือแกนสำคัญของการคิดโป๊กเกอร์เชิงเรนจ์และคณิตศาสตร์ รู้ว่า “ไพ่บนบอร์ด/ในมือเรา” ไปตัดคอมโบไหนของคู่แข่งบ้าง จะทำให้การตัดสินใจในจุดยากๆ ชัดขึ้นมาก ไม่ว่าคุณจะกำลังบลัฟ วาลู หรือกำลังชั่งใจ Hero Call การพิจารณา Combos และ Blockers ให้เป็น จะทำให้แผนของคุณสำเร็จบ่อยขึ้น และทำเงินได้มากขึ้นในระยะยาว











