คู่มือ C-BET สำหรับทัวร์นาเมนต์

คู่มือ C-BET สำหรับทัวร์นาเมนต์

Continuation bet (c-bet) กลายเป็นเรื่อง “อัตโนมัติ” จนผู้เล่นทัวร์นาเมนต์จำนวนมากกดยิงโดยไม่คิดซ้ำ บทความนี้ตอบ 3 คำถามหลักให้ชัดเจน:

  • ทำไม c-bet แบบเกือบอัตโนมัติ ถึงกลายเป็นมาตรฐาน?
  • ยิงถี่ แล้วได้อะไรจริง?
  • ควร วางแผน c-bet ยังไง ให้ถูกบริบท?

ด้านล่างจะลงรายละเอียดสถานการณ์ c-bet ที่พบบ่อยและคณิตศาสตร์เบื้องหลัง แต่ก่อนอื่น มาดูวิวัฒนาการของ c-bet เพื่อเข้าใจ “ทำไม” ของแนวทางในวันนี้

 

วิวัฒนาการของ c-bet

แม้จะเล่นทัวร์นาเมนต์มาหลายปี หลายคนเพิ่งมารู้ตัวไม่นานนี้เองว่า “รู้ว่าควร c-bet ตอนไหน” แต่ยังไม่เข้าใจ เหตุผล จนได้ศึกษาเชิงทฤษฎีกับ PioSolver และแนวทาง GTO (game theory optimal)

 

2008–2009: “ยิงทุกฟลอป” แล้วชนะ

ยุค MTT สมัยนั้น การ c-bet 100% ใน heads-up pot แทบไร้ที่ติ ผู้เล่นที่ไม่ทันเทรนด์มัก fold flop ที่ไม่โดนเสมอ ทำให้ c-bet เล็กมาตรฐาน ½ pot กำไรทันทีตามคณิตศาสตร์: เสี่ยง 50 เพื่อชนะ 100 = ต้องสำเร็จแค่ 33% ฝั่งรับมือจึงต้อง call ≥66% เพื่อกันไม่ให้เรา autoprofit

ใน Texas Hold’em คุณจะ “ติดคู่หรือดีกว่า” บน flop แค่ ~33% ดังนั้นผู้ยิง c-bet จึงได้เปรียบมาก แม้คู่ต่อสู้จะไม่ fold คู่และมี draw อยู่บ้าง เขาก็ยัง miss รวม ๆ ราว 50% ต่ำกว่าเกณฑ์ 66% อยู่ดี จึงเกิดเมตา “ยิงเกือบทุกฟลอป” อยู่หลายปี

จุดโหว่คือ ฝั่งที่ check-raise เก่งสามารถกดดันได้ เพราะ คนยิง c-bet ก็ติดคู่แค่ ~33% เช่นกัน ยิ่งถ้าคู่ต่อสู้ c-bet ~90% แต่ check back พวก nut/medium pair บางส่วน (เพื่อ deception หรือ pot control) เรนจ์ c-bet จะ air หนา โดน check-raise แล้ว fold บ่อยมาก

 

ตัวอย่าง 30BB:

  • BTN open 3BB (range ~50%), BB call → Pot 6BB
  • Flop T♦8♠3♥ — BTN c-bet 3BB → BB check-raise 8BB
    เสี่ยง 8 เพื่อชนะ 9 = ต้องเวิร์ก ~47% ต่อเมตาที่ BTN over-c-bet และ fold คู่รอง ๆ บ่อย ๆ ถือว่าคุ้ม

เทรนด์ “ยิงครึ่งพอตทุกบอร์ด” เลยค่อย ๆ ถูก counter และช่วง 2012 ยังมีคอร์สจำนวนมากที่ สอนยิงอัตโนมัติ โดยไม่แยกบอร์ด/เรนจ์ — จึงโดนกินด้วย raise/check-raise อยู่เรื่อย ๆ จนเกมเริ่มเปลี่ยน

 

2013: หยุด “ยิงมั่ว” แล้วเริ่ม “ดูบอร์ด”

ผู้เล่นเริ่ม board-select — give up บอร์ดที่แย่สำหรับเรา, สังเกต tendency ฝั่งรับมากขึ้น ฝั่งรับก็เริ่ม เล่นกลับ ในจุดที่คนยิง over-bluff ชัดเจน

จากนั้นเกิดการปรับ c-bet เล็ก ~33% pot ซึ่งยังฮิตมาถึงทุกวันนี้ เพราะ:

  • 33% pot ต้องเวิร์กแค่ 25% ก็ break-even
  • กด fold ส่วนเล็ก ๆ ของ range ที่ miss flop แบบต้นทุนต่ำ
    ข้อเสียคือ โดน check-raise ราคาถูก ได้ง่าย โดยเฉพาะสแต็กทัวร์นาเมนต์ ~30BB

ช่วงกลางทศวรรษ เกมกลายเป็น counter-exploit vs counter-exploit — มีทั้ง 3-bet shove over check-raise ด้วย air, เล่นลายแรงบน board ที่ “represent แคบ” กันถ้วนหน้า ทำให้ ขนาดพอตโต และ variance สูง จนประชากรเริ่มเหนื่อยกับ bloated pots ด้วย weak holdings

 

2015: ยุคมอง “range ตัวเอง” และใช้ GTO เป็นฐาน

แนว GTO บูมใน MTT ช่วงนี้ แม้การเล่น GTO เพียว ๆ จะ ไม่ใช่กลยุทธ์ทำเงินสูงสุด ใน field ที่ “อ่านทางได้/เอาเปรียบได้” แต่ solver อย่าง PioSolver ให้ “เหตุผลเชิงทฤษฎี” ว่าทำไมบางบอร์ด ควร c-bet small & often, และบางบอร์ดควร check มากกว่า

แนวคิดสำคัญ:

  • GTO = ไม่โดน exploit แต่ก็ ไม่ exploit ใคร หากเจอ nit ที่ over-fold ต่อ c-bet การยิงแค่สัดส่วน GTO อาจ “ทิ้งเงินไว้บนโต๊ะ”
  • ใช้ solver เพื่อเข้าใจ range vs range, equity share, board texture, แล้วค่อย ปรับเบี่ยง (deviate) แบบเล็กน้อยเชิง exploit ให้เข้ากับประชากรจริง

c-bet สมัยใหม่: ใช้ตัวอย่างจาก Solver (30BB)

สมมติ: เรา open-raise 23% จากตำแหน่งหนึ่ง และ BB defend ~42%

Flop 7♥-2♠-2♦

  • แม้เรามี top pair ไม่เยอะ แต่ range เราโดยรวมแข็งกว่า (ประมาณ 58% vs 42%)
  • แนวทางที่ดี: c-bet ⅓ pot บ่อยมาก ด้วยเหตุผล
    • Range advantage → เสมือน thin value ด้วยทั้งเรนจ์
    • Equity denial → มือส่วนใหญ่ฝั่งเขายังมี 6 outs × 2; ไม่อยากปล่อยให้ realize ฟรี

Flop Q♥-J♥-3♦

  • เรามี top pair+ น้อยกว่า 27% แต่ solver ยังให้ c-bet ⅓ pot เกือบทั้งหมด
  • เหตุผล: range เราเหนือกว่า: มี overpair, top-pair-top-kicker, middle pair แข็งกว่า, air ส่วนมากมี overcard สูงกว่าฝั่ง BB ฯลฯ → small c-bet เก็บส่วนที่ miss ได้คุ้ม

Flop 8♥-6♦-5♠

  • บอร์ด เชื่อม/ล่าง ฝั่งเรา range กลาง ๆ เยอะ ไม่อยาก build pot
  • แนวโน้ม: c-bet ~38% ที่เหลือ check control
  • Equity denial สำคัญน้อยลง เพราะมือที่อยาก deny มัก เปราะต่อ check-raise หรือ get-in แย่ เมื่อโดนยัดกลับ

สาระ: มีบอร์ดที่ “auto c-bet” เยอะจริง แต่การ เข้าใจเหตุผล (range advantage, equity, realization) จะทำให้คิดโป๊กเกอร์ได้ลึกและปรับใช้ได้ถูกจังหวะ

 

ไกด์ 3 ขั้น ยกระดับ c-bet ด้วย Solver
1. จำคณิตพื้นฐาน

  • ½ pot ต้องเวิร์ก 33%
  • ⅓ pot ต้องเวิร์ก 25%
    ฯลฯ

2. ใส่ range ทั้งสองฝั่งใน PioSolver
ถามตัวเอง: ใครมี range advantage?

  • ส่วนใหญ่ของ range เรา อยากเล่นยังไงกับ texture นี้?
  • สัดส่วน c-bet ตาม GTO ประมาณเท่าไร?


3. เล่นโป๊กเกอร์ (ปรับ exploit อย่างพอดี)

  • ดู tendency คู่ต่อสู้: fold-to-cbet, check-raise freq, float ฯลฯ
  • deviate จาก GTO ทีละน้อยทิศทางที่คุ้ม ไม่ต้อง 0% หรือ 100%

 

สรุปแนวทางใช้งานจริง

  • Small c-bet (≈33%) คือเครื่องมือหลักในบอร์ดที่เรามี range advantage เพื่อเก็บ fold ส่วนที่ miss ด้วยต้นทุนต่ำ
  • เลือกบอร์ด: บอร์ดล่าง/เชื่อมที่ range เรากลาง ๆ ให้ check เยอะขึ้น, กันโดน check-raise ราคาถูก
  • คิดเป็น range vs range ไม่ยึดแต่ “ไพ่ในมือเรา”
  • ผสม exploit อย่างมีเหตุผล ตามประชากร/คู่ต่อสู้จริง

ความไม่แน่นอนทำให้โป๊กเกอร์สนุก—but เข้าใจ ทำไมเรายิง c-bet ในแต่ละบอร์ด = เปลี่ยนสิ่งที่เคย “ทำตามความเคยชิน” ให้กลายเป็น “การตัดสินใจที่มี edge” และทำเงินได้มากกว่าในระยะยาว

 

Share to

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทัวร์นาเมนต์ล่าสุด