10 เคล็ดลับพื้นฐานการเล่นที่ Flops ประเภทต่างๆ

ในบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้หนี่งในตัวแปรที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งในกีฬาโป๊กเกอร์

รูปแบบของไพ่บน Flop (Board Texture) คือหนึ่งในข้อมูลที่สำคัญที่สุดที่สามารถสร้างความแข็งแกร่งของไพ่ในมือของผู้เล่นแต่ละคน, กำหนดขนาดของการวางเดิมพันที่เหมาะสม, ความถี่ที่จะดำเนินการวางเดิมพัน และ กลยุทธ์แผนการเล่นทุกๆ อย่างของการเล่นหลังจากที่เปิดไพ่ขึ้นมา 3 ใบ ที่ Flop (Flop,Turn,River) เนื่องจากการเล่นที่ Flop นั้นซับซ้อนที่สุด

 

เราจะแสดงให้คุณเห็นโครงสร้าง และวิธีการปรับใช้กลยุทธ์ สำหรับการเล่น Postflop หลังจากที่เปิดไพ่ทั้ง 3 ใบที่ Flop ดังนี้

•      Rainbow disconnect คือ ไพ่ทั้งสามใบไม่เกี่ยวข้องกันและไม่มีสีเดียวกัน

เช่น A♦ 8♠ 2 ♣

•      Pair board คือ ในสามใบมีไพ่เดียวกันอยู่คู่หนึ่ง เช่น 8♣ 8♠ 3♦ 

•      Rainbow connect คือ ไพ่ทั้งสามใบ มีความเกี่ยวข้องกันแต่ไม่ได้มีสีเดียวกัน

เช่น 7♦ 8♠ 9♣ 

•      Two-tone disconnect คือ มีไพ่สีเดียวกันสองใบแต่ไม่เกี่ยวข้องกัน

เช่น 9♦ 3♣ A♣

•      Two-tone connect คือ มีไพ่สีเดียวกันสองใบ และ ทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกัน

เช่น 4♠ 5♦ 6♦

•      Monotone คือ ไพ่ทั้งสามใบมีสีเดียวกัน

เช่น K♦ 8♦ 5♦

เราจะมาทำความเข้าใจ อย่างละเอียดในแต่ละหัวข้อกัน

 

Rainbow disconnect หรือ ไพ่ทั้งสามใบไม่เกี่ยวข้องกันและไม่มีสีเดียวกัน

คุณอาจไม่เห็นภาพ ว่าหมายความถึงไพ่ในลักษณะใด ลองดูตัวอย่างด้านล่างนี้

•    K♦ 7♥ 3♠

•    A♠ 9♣ 4♦

จากตัวอย่างจะเห็นว่าไพ่ทั้งสามใบที่ Flop นี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย (ไม่สามารถทำให้ไพ่ของผู้เล่นใดนำมารวมแล้วสามารถลุ้น Straight ได้) และ ไม่ได้มีสีเดียวกันเลย (ไม่สามารถทำให้ไพ่ของผู้เล่นใดนำมารวมแล้วลุ้น Flush ได้) ไพ่ที่สามารถแข็งแกร่งที่สุดบนบอร์ดนี้มีได้ไม่มากและสามารถคาดเดาได้ไม่ยาก

 

ดังนั้น กลยุทธ์ในการเล่นนั้นขึ้นอยู่ว่าในรอบ Preflop มีการเล่นแบบใด ซึ่งคำแนะนำสำหรับการเล่นที่เหมาะสมคือ การดำเนินการเล่นในรูปแบบนั้นต่อไป เช่นหากคุณเป็นฝ่าย Aggressive (มีการเล่นที่ดุดัน Raise หรือ Bet ในรอบที่ผ่านมา) ก็ควร C-bet ต่อเนื่อง ด้วยเดิมพันขนาดเล็กๆโดยเฉพาะเมื่อคุณมีความได้เปรียบเรื่องตำแหน่งในการเล่น ทั้งนี้เนื่องจาก Board หรือไพ่ที่เปิดออกมาที่ Flop นี้จะยังไม่มีใครสามารถติดอะไรได้มากนัก หากคุณเป็นฝ่าย Call เข้ามาเล่น เราแนะนำว่าคุณควรที่จะ Call ด้วยไพ่ที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนักด้วยเช่นกัน เนื่องจากไพ่ที่เปิด ทำให้ยังไม่สามารถมีใครถือไพ่ที่แข็งแกร่งได้มากนัก แต่ไพ่ที่ใช้ Callของคุณควรมีศักยภาพที่จะแข็งแกร่งได้ต่อไป ยกตัวอย่าง Over card (ไพ่ที่คุณถือ สูงกว่าไพ่ที่เปิดบนฟล็อฟ) หรือ ตามลุ้น Backdoor ต่างๆ การ Call นี้จะลดความถี่ลงขึ้นอยู่กับขนาดการวางเดิมพันหรือ Bet size ของ ผู้เล่นที่ C-bet

 

เคล็ดลับการเล่น Rainbow disconnect

1.  เมื่อได้เปรียบตำแหน่ง Bet ด้วยขนาดของเงินเดิมพันน้อยๆ 

2. กดดันฝ่ายตรงข้ามด้วยการเล่นที่ดุดัน เนื่องจากโดยส่วนมาก เขาจะไม่มีไพ่ที่แข็งแกร่

Pair board หรือในสามใบมีไพ่เดียวกันอยู่คู่หนึ่ง
เรามาทำความเข้าใจลักษณะของ Flop ที่เป็น Pair board จากตัวอย่างด้านล่าง

•    J♠ J♣ 5♥

•    9♣ 9♥ 7♣

Pair board เป็นคอมโบไพ่ที่ Flop ที่เป็นการยากที่จะมีผู้เล่นใดสามารถมีไพ่ที่เกี่ยวข้องกับมันมากกว่า Rainbow disconnect เสียอีกดังนั้น ด้วยเหตุผลข้างต้น ว่าฝ่ายตรงข้ามย่อมมีไพ่ที่แข็งแกร่งได้น้อย จากไพ่ที่เปิดที่ Flop กลยุทธ์ในการเล่นนั้นจะเน้นไปที่ ดุดัน กดดันให้คู่ต่อสู้หมอบ ด้วย ขนาดของ การวางชิพเดิมพัน กดดันแต่ขนาดที่ไม่สูง โดยปกติจะอยู่ที่ 1/3 ของ Pot

Rainbow connect คือ ไพ่ทั้งสามใบ มีความเกี่ยวข้องกันแต่ไม่ได้มีสีเดียวกัน
สำหรับคอมโบไพ่ที่เปิดออกมาของ Flop นี้เป็นไพ่ที่มีความเกี่ยวข้อง คือมีค่าใกล้กัน แต่คนละสีกันดังตัวอย่าง

•    K♠ 9♥ 8♦

•    J♣ T♠ 9♥

จากตัวอย่างจะเห็นว่าไพ่ทั้งสามใบที่ Flop นี้มีความเกี่ยวข้องกัน (คือสามารถมีลุ้น Straight หรือ อาจติด Straight ไปแล้วก็ได้) แต่ไม่ได้มีสีเดียวกันเลย กลยุทธ์การเล่นบนบอร์ดนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างกำไรสูงสุดจากผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามที่มีลุ้นเรียง เพื่อให้เขาต้องเสียชิพมากที่สุดสำหรับการลุ้นของเขาเหล่านั้น

สำหรับการเล่นเมื่อเป็นฝ่ายตั้งรับหรือ Call เข้ามาเล่นนั้น คุณควรเล่นต่อในการเล่นลักษณะเดียวกับการเล่นบนบอร์ดที่เป็น Rainbow disconnect ซึ่งก็คือเล่นต่อด้วยไพ่ที่มีโอกาสพัฒนาไปเป็นไพ่ที่แข็งแกร่งเท่านั้นเช่น Draw straight ,  Top pair หรือ Over pair

เคล็ดลับการเล่น Rainbow connect

3. ระมัดระวังเมื่อไพ่ที่ Turn เป็นไพ่ที่เกี่ยวข้องกับ Flop เช่น สามารถ มีไพ่ที่เรียงได้ Complete straight, ใช้แผนการเล่นในแบบ Polarized bet คือมีทั้ง Value และ Bluff ใน Range, ด้วยไพ่ Top pair หรือ Mid pair เราจะ check เป็นส่วนใหญ่

4. กดดันฝ่ายตรงข้ามด้วยการเล่นที่ดุดันโดยการ check-raise ด้วยไพ่ที่สามารถพัฒนาเป็นเรียงได้ในรอบต่อๆไป

Two-tone disconnect คือ มีไพ่สีเดียวกันสองใบแต่ไม่เกี่ยวข้องกัน

สำหรับคอมโบไพ่ที่เปิดออกมามีสีเดียวกันแต่ไม่เกี่ยวข้องกันจะอยู่ในกลุ่มนี้ ยกตัวอย่างเช่น

•    K♣ 8♣ 3♦

•    Q♥ 7♥ 3♣

ไพ่ในกลุ่มนี้เรายังจัดอยู่ในกลุ่มที่ยังไม่อันตรายนัก แผนการเล่นสำหรับคุณเมื่อเป็นฝ่าย Aggressive จึงยังคงดุดันต่อไปด้วยขนาดการวางเดิมพันเล็กเหมือนเดิม เพื่อกดดันไพ่ของฝ่ายตรงข้ามที่ยังไม่ติดอะไรและ ให้โอกาสไพ่ที่มีลุ้นสีหรือไพ่ที่มี Over card สามารถยัง Call ได้

การเล่นนั้นมีลักษณะเดียวกับการเล่นที่กลุ่มไพ่ Rainbow disconnect ดังนั้นคุณสามารถใช้เคล็ดลับในการเล่นเดียวกันได้

Two-tone connect คือ มีไพ่สีเดียวกันสองใบ และ มีความเกี่ยวข้องกัน

ไพ่ในกลุ่มนี้เป็นไพ่ที่น่ากลัวที่สุดคือมีไพ่ 2 ใบที่มีสีเดียวกันและไพ่ทุกใบนั้นมีค่าใกล้เคียงกันมีความเกี่ยวข้องกันทั้งสามใบอีกด้วยยกตัวอย่างเช่น

•    J♠ 8♠ 6♥

•    T♦ 7♦ 5♣

เนื่องไพ่ในกลุ่มนี้เป็นไพ่ที่น่ากลัวที่สุดเพราะ มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันทำให้ผู้เล่นมีโอกาสถือไพ่ที่สามารถลุ้นได้ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Flush draw (ลุ้นสี) ,Straight draw (ลุ้นเรียง) ดังนั้น กลยุทธ์ ที่เลือกใช้ตรงนี้จึงมุ่งไปที่การ Polarized ที่มีทั้ง Value และ ฺBluff ด้วยขนาดของเดิมพันที่ค่อนข้างใหญ่ ที่จะทำให้เกิดความไม่คุ้มค่าหรือ bad pot odds กับฝ่ายตรงข้าม ที่ส่วนใหญ่จะมีลุ้นตรงนี้

สำหรับการเล่นเมื่อเป็นฝ่ายตั้งรับหรือ Call เข้ามาเล่นนั้น ควรเลือกที่จะเล่นเมื่อคุณมีลุ้นไพ่ที่มีโอกาสชนะสูงๆ โดยเฉพาะที่จุดนี้ผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกที่จะ Bluff น้อยกว่าปกติ

เคล็ดลับการเล่น Two-tone connect

5.เลือกแนวการเล่นที่ดุดันด้วยการ check-raise เมื่อคุณมีโอกาสกลับมาชนะสูงๆ เช่นมีลุ้นเรียงแบบ Open-ended และ Flush, Gutshot หรือ Backdoor

6.การ Bet ควรเป็นไพ่ในกลุ่มที่แข็งแกร่งมากๆ ยกตัวอย่างเช่น ไพ่ที่สูงกว่า Toppair

7.เล่นให้ Tight ขึ้นอีกนิดเมื่อคิดจะ Call หมายความว่าควรเลือกไพ่ที่มีโอกาสชนะสูงเพราะ Board ในกลุ่มที่อันตรายแบบนี้ มีโอกาสน้อยที่ผู้เล่นทั่วไปจะ Bluff

Monotone หรือ ไพ่ทั้งสามใบมีสีเดียวกัน
สำหรับบอร์ดสุดท้ายคือไพ่ที่ Flop เปิดออกมามีสีเดียวกันทั้งหมดตามตัวอย่างนี้

•    A♥ T♥ 4♥

•    J♠ 6♠ 4♠

สำหรับบอร์ดดังตัวอย่างนี้สามารถแบ่งแยกออกไปย่อยๆ ได้ในอีกหลายรูปแบบ แต่การเล่นหลักจะมุ่งเน้นไปที่ การเล่นแบบรัดกุมเช่นเดียวกันหมด นั่นคือส่วนใหญ่จะเลือกที่จะ check

เคล็ดลับการเล่น Monotone board connect

8.เลือกที่จะ Bet หรือ Raise ด้วยไพ่ที่แข็งแกร่งมากๆ เช่น Sets หรือ Flush เท่านั้น

9.เลือกที่จะ Check หากไพ่ที่คุณมีเป็นไพ่ที่แข็งแกร่งปานกลาง

10.ไม่ Bluff ด้วยไพ่ที่ไม่ได้ลุ้นที่จะเป็นไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุด เช่น K♠ 9♠ บนบอร์ด A♥ T♥ 4♥

 

สำหรับเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง Flop ประเภทต่างๆ นั้นยังมีเนื้อหาที่ต้องศึกษาอย่างละเอียดอีกมากมายที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม สำหรับบทความนี้ได้นำเสนอความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพื้นฐานของบอร์ดประเภทต่างๆ มุ่งสร้างความเข้าใจให้คุณสามารถ ทราบว่าบอร์ดมีกี่ประเภทและมีความหมายอย่างไร แนะนำแผนการเล่นที่ถูกต้องเหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ ซึ่งจะช่วยให้คุณเล่นได้อย่างถูกต้องต่อไป หวังว่าคุณคงไม่หยุดที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับ Board Texture เพิ่มเติมที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในอาชีพโป๊กเกอร์ต่อไป

Share to