หากคุณไม่ได้ถือ the nuts การเล่นใน 4-bet pots อาจสร้างความกดดันอย่างมาก เนื่องจาก stack-to-pot ratio (SPR) ในสถานการณ์เหล่านี้จะต่ำ ทำให้โดยทั่วไปคุณอยู่ห่างจากการนำชิปทั้งหมดเข้าสู่กองกลางเพียงหนึ่งหรือสองครั้งของการ bet เท่านั้น
หากคุณเคยรู้สึกตึงเครียดในการเล่น 4-bet pot บน postflop บทความนี้จะช่วยให้การตัดสินใจของคุณง่ายขึ้น บทความนี้จะนำเสนอ 4 ประเด็นสำคัญที่จะช่วยให้คุณ “จัดการ” สถานการณ์ใน 4-bet pots ได้อย่างมีระบบมากขึ้น โดยเฉพาะในข้อ 1, 2 และ 3 จะมีแนวคิดจาก Doug Polk และ Ryan Fee ประกอบด้วย
1. การมี Preflop Range ที่มีโครงสร้างดี เป็นพื้นฐานของความสำเร็จบน Postflop
การพูดถึงกลยุทธ์ postflop ใน 4-bet pots จะไม่มีประโยชน์ หากคุณยังไม่ได้พิจารณาและวางแผน preflop strategy สำหรับการ 4-bet และการ call 4-bet อย่างจริงจังเสียก่อน
เนื่องจากสถานการณ์ 4-bet มีลักษณะเฉพาะและเกี่ยวข้องกับตัวแปรหลายด้าน การกำหนด range แบบตายตัวที่ “ห้ามเบี่ยงเบน” จึงไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมมากนัก สิ่งที่ควรทำคือทำความเข้าใจปัจจัยทั่วไปที่ควรพิจารณา เพื่อให้คุณสามารถสร้าง well-structured range ได้แบบทันสถานการณ์ (on the fly)
1.1 ตำแหน่ง (Position)
ตำแหน่งเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดเมื่อจะกำหนด 4-bet range
ว่าในสถานการณ์ใดคุณสามารถ 4-bet หรือ call 4-bet ได้อย่างมีกำไรนั้น ขึ้นอยู่กับ range ของคู่ต่อสู้ และ range เหล่านั้นมีความแตกต่างกันมากตามตำแหน่ง
ตัวอย่างเช่น
หากคุณอยู่ที่ big blind แล้วเจอ UTG open ตามด้วย cutoff 3-bet
ในกรณีนี้ 4-bet range ของคุณควรจะ tight มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาจเหลือเพียง AA และ bluff combinations อีกประมาณ 6 ชุด เพื่อรักษาความบาลานซ์ของ range
ในทางตรงกันข้าม
ในสถานการณ์ small blind vs big blind ทั้ง 4-bet range และ 4-bet calling range สามารถกว้างได้มากกว่านั้นอย่างชัดเจน
เช่น แฮนด์อย่าง TT ที่คุณอาจไม่ต้องการ 3-bet ใส่ UTG แต่ในสถานการณ์ blind vs blind แฮนด์นี้สามารถถูกนำมาใช้ใน 4-bet range ได้อย่างสบาย (ในหลายกรณี)
1.2 การตัดสินใจว่าจะ 4-Bet หรือไม่
ในบาง spot คุณอาจรู้สึกลังเล ระหว่างการ flat call 3-bet หรือการ 4-bet
Doug Polk ได้เสนอแนวคิดเชิงระบบไว้ในโมดูล 4-betting ของ Upswing Lab ดังนี้ :
เมื่อคุณเผชิญหน้ากับ 3-bet ให้ใช้เวลาคิดสักครู่ว่า
“จากขนาดของ 3-bet นี้ แฮนด์ที่ ‘แย่ที่สุด’ ที่เรายังสามารถ call แล้วมีกำไรคือแฮนด์ใด”
หากคุณมีโอกาสที่จะทำ profitable call คุณควรเลือก call แทนที่จะใช้แฮนด์เหล่านั้นไป bluff
แฮนด์ที่อ่อนกว่านั้นเพียงเล็กน้อย คือกลุ่มแฮนด์ที่เหมาะสมจะถูกใช้เป็น 4-bet bluff
โดยทั่วไป เมื่อคุณ 4-bet คุณควรตั้งเป้าให้มีอัตราส่วนประมาณ 1 value combo ต่อ 1 bluff combo
แนวคิดนี้ช่วยให้คุณกำหนดโครงสร้าง range ของตนเองได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล และหลีกเลี่ยงการ over-bluff หรือ under-bluff ใน 4-bet situations
1.3 การพิจารณาขนาดของ 4-Bet (4-Bet Size)
เมื่อเผชิญกับ 4-bet การพิจารณา price ที่คุณได้รับ (pot odds) เป็นสิ่งสำคัญ คุณควรประเมินอย่างคร่าว ๆ ว่าต้องการ equity ขั้นต่ำเท่าใดเพื่อให้การ call มีความคุ้มค่าในทางทฤษฎี
โดยทั่วไป ขนาดของ 4-bet แบบมาตรฐานมักอยู่ในช่วงประมาณ 19–24 big blinds
ดังนั้นในหลายสถานการณ์ คุณจะต้องมี raw equity ประมาณ 28–33% ต่อ range ของคู่ต่อสู้ จึงจะพอพิจารณา call ได้ (ในกรณีที่คุณเป็นผู้ทำ 3-bet ก่อน)
ทั้งนี้ ยังควรต้องการ equity สูงขึ้นอีกเล็กน้อย เพื่อชดเชยข้อเสียด้าน range และ/หรือ positional disadvantage
ผู้เล่นจำนวนไม่น้อย “มอบ free equity” ให้คู่ต่อสู้ โดยการหมอบใน spot ที่จริง ๆ แล้วยังมี marginally profitable calls อยู่ ซึ่งแนวโน้มเช่นนี้ควรหลีกเลี่ยง
ตรงกันข้าม หากเจอ 4-bet ขนาดเล็ก คุณควรยอม “เข้าไปเห็น flop” ให้บ่อยขึ้น แม้ว่า variance จะสูง (ซึ่งเป็นธรรมชาติของ 4-bet pots)
แต่ผลลัพธ์เชิงตัวเลขในระยะยาวอาจออกมาดีกว่าที่คาดคิด
2. ปกป้อง Checking Range ของคุณในฐานะ 4-Bettor
โดยทั่วไปแล้ว ในฐานะผู้เล่นที่เป็น preflop 4-bettor คุณควร c-bet บน flop ในอัตราที่ค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ checking range ของคุณอ่อนแอจนเกินไป คุณควรผสมการ check ด้วยบางส่วนของ strong hands เข้าไปด้วย เพื่อใช้ปกป้อง medium-strength hands ของคุณ
ตัวอย่างเช่น บนบอร์ด K♣ 5♣ 2♠
การ check ด้วยแฮนด์อย่าง KK, AA, A♣Kx บางส่วนถือว่าเป็นแนวทางที่มีเหตุผล เพราะ
- คุณ block value range ส่วนใหญ่ของคู่ต่อสู้ ซึ่งเป็นแฮนด์ที่น่าจะ call bet ของคุณ
- ประเด็นเรื่อง equity denial ไม่ได้มีความสำคัญมากนักกับแฮนด์ระดับนี้
การ check ด้วยแฮนด์ดังกล่าวจึงช่วยเสริมความแข็งแรงให้ checking range ของคุณ มากไปกว่าการมีเพียง medium-strength hands เช่น TT–QQ ที่มักจะถูก check อยู่แล้ว
นอกจากการใช้แฮนด์ที่ “เกือบ nutted” เพื่อปกป้อง range แล้ว
คุณควร check ด้วยแฮนด์ที่มีความแข็งแกร่งระดับหนึ่ง แต่ “อ่อนเกินไป” ที่จะ bet เพื่อ value ยาวหลาย street
ตัวอย่างจากแฮนด์ของ Ryan Fee
เกม: Americas Cardroom $0.25/$0.50, 6-handed, effective stacks $52.25
- Hero (MP): A♥3♥
- UTG fold, Hero raise $1.11
- 2 ตำแหน่งถัดไป fold
- SB 3-bet เป็น $3.55, BB fold
- Hero 4-bet เป็น $8.50, SB call
Flop ($17.50): A♠ 5♦ 4♠
- SB check
- Hero check
Turn ($17.50): 9♥
- SB check
- Hero check
River ($17.50): 2♠
- SB check
- Hero bet $8.31
- SB call และ muck
บนบอร์ดลักษณะนี้ การ bet เพื่อ value หลาย street ด้วย weak Ax เช่น A3s จะถือว่า thin เกินไป
- แฮนด์ของ Hero มักจะตามหลัง Ax ที่แข็งแรงกว่า เช่น AJ–AQ ซึ่งเป็นแฮนด์ที่คู่ต่อสู้มีแนวโน้มจะใช้ flat 4-bet preflop
- ในขณะเดียวกัน Hero ก็ยังนำหน้า pocket pair กลุ่ม TT–QQ ที่ต้องการได้ value แต่ value นั้นไม่มากพอจะ bet หนา ๆ หรือต่อเนื่องหลาย street
สถานการณ์เช่นนี้จึงเข้าข่าย way-behind อย่างชัดเจน
ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เหมาะสมต่อการ check เพื่อเสริมความแข็งแรงให้ checking range ทำให้ฝั่ง Hero ยังสามารถมี top pair ใน line ที่ check ได้ ส่งผลให้คู่ต่อสู้ exploit check ของ Hero ได้ยากขึ้น
3. ใช้ประโยชน์จาก Range Advantage ด้วย Small Bets ในฐานะ 4-Better
ใน 4-bet pots, ผู้เล่นที่เป็น preflop aggressor มักจะมี range advantage อย่างชัดเจนบน postflop
สาเหตุคือ 4-bettor สามารถมีแฮนด์ที่แข็งแกร่งที่สุด เช่น AA, KK, QQ, AK ได้ครบถ้วน ในขณะที่ฝ่าย caller แทบจะไม่มีแฮนด์เหล่านี้อยู่ใน range
บน board texture จำนวนมาก ในฐานะ 4-bettor คุณสามารถใช้ประโยชน์จาก range advantage นี้ โดยการใช้ small bet size กับ range ทั้งหมดของคุณ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพด้วยเหตุผลหลักสองประการ:
- Strong range ของคุณไม่ได้ต้องการ equity denial มากนัก
การใช้ bet ขนาดเล็กสามารถกระตุ้นให้คู่ต่อสู้ call หลวมขึ้นด้วยแฮนด์ที่ตามหลัง range ของคุณอย่างมาก - Small bet sizes ทำให้ bluff มีประสิทธิภาพทางตัวเลขมากขึ้น
หากคู่ต่อสู้ยอม fold ให้กับ bet เพียงเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลว่าทำไมคุณจึงต้องใช้ bet ขนาด 60% ของ pot หาก bet ขนาดเล็กกว่านั้นให้ผลลัพธ์เดียวกันในแง่ fold equity
ตัวอย่างจากแฮนด์ของ Ryan Fee
เกม: Americas Cardroom $0.25/$0.50, 6-handed, effective stacks $53.40
- Hero (BTN): Q♠Q♣
- 3 ตำแหน่งแรก fold
- Hero raise $1.11
- SB 3-bet เป็น $4
- BB fold
- Hero 4-bet เป็น $9.50
- SB call
Flop ($19.50): 6♥ 6♠ 5♠
- SB check
- Hero bet $5
- SB fold
บน board ลักษณะนี้ การใช้ small bet size กับ range ทั้งหมด เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม เนื่องจาก
- 4-bet calling range ของ SB ส่วนใหญ่จะเป็น high-card hands ซึ่งเล่นได้ยากเมื่อเจอ small bet บน board ที่ paired และต่ำเช่นนี้
- High-card hands ใน range ของ Hero โดยเฉลี่ยแล้วแข็งแกร่งกว่า high-card hands ใน range ของ SB
- Hero ยังมี overpairs ที่เป็น nutted combinations ซึ่ง SB มีโอกาสถือได้น้อย
แม้ QQ ของ Hero จะ block folding range จำนวนมากของ SB (เช่น QJ, KQ, AQ ฯลฯ) แต่ small bet ประมาณ 25% ของ pot ก็ยังสามารถสร้าง fold ได้ นี่แสดงให้เห็นว่า fold equity สามารถถูก leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพบนบางประเภทของ board โดยใช้ small bet ร่วมกับ range advantage
4. ในฐานะ Preflop Caller คุณต้องพร้อมที่จะทำ Tight Folds บน Postflop
การเล่น pot ขนาดใหญ่โดยไม่มีแฮนด์ที่แข็งแกร่งมาก อาจสร้างความรู้สึกกดดัน แต่คุณไม่ควรหวาดกลัวจนหลีกเลี่ยงการ call 4-bet ด้วย speculative hands เสมอไป หากคุณได้รับ price ที่เหมาะสม การ call ดังกล่าวอาจถูกต้องในเชิงทฤษฎี
อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องพร้อมที่จะ fold แฮนด์เหล่านี้บน postflop อย่างมีวินัย หากคุณเชื่อมต่อกับ board ได้ไม่ดีนัก
ในฐานะ preflop caller คุณอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบด้าน range อย่างชัดเจน ดังนั้นจะมีหลายสถานการณ์ที่ แม้คุณจะ flop คู่ แต่ก็ยังควร fold อย่าง tight และมีวินัย
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้:
คุณ flat call 4-bet ด้วย 9♥8♥ แล้ว flop ออกมาเป็น 9♦ T♥ J♣
แม้ว่าคุณจะมี
- คู่ (pair)
- open-ended straight draw
- backdoor flush draw
แต่คุณยังคงสามารถทำ tight fold ต่อ bet ขนาดใหญ่ (ยกเว้นกรณีเจอ small bet) ได้อย่างมีเหตุผล โดยมีปัจจัยดังนี้:
- คู่ของคุณมี showdown value ต่ำมาก และบ่อยครั้งคุณจะต้อง shove all-in เพียงเพื่อจะได้เห็น turn และ river (ขึ้นกับ stack depth)
- คุณ draw ค่อนข้างบาง ต่อ value range ของคู่ต่อสู้จำนวนมาก เช่น KK, QQ หรือ JJ
- แม้ว่า turn จะเปิดให้คุณมี flush draw การ shove over bet ในจุดนั้นก็อาจสร้าง fold equity ไม่มาก เนื่องจาก SPR จะต่ำมากแล้วในช่วง turn
- มีเพียง turn cards จำนวนจำกัด (เช่น 9 หรือ 7 รวม 6 ใบ) ที่คุณจะ “พึงพอใจ” กับมันจริง ๆ
ประเด็นสำคัญที่สะท้อนจากตัวอย่างนี้คือ ในฐานะ preflop caller คุณมักจะ under-realize equity ของแฮนด์ของคุณบ่อยครั้ง กล่าวคือ ไม่สามารถเปลี่ยน equity ทางทฤษฎีให้กลายเป็นผลลัพธ์จริงได้เต็มที่
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณควรเลิก call 4-bet ไปทั้งหมด แต่ควรตระหนักถึง equity ของแฮนด์คุณเทียบกับ range ของคู่ต่อสู้ก่อน flop แล้วนำมาพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อจะตัดสินใจบน postflop
สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงคือ การทำให้ “การ call 4-bet preflop ที่หลวมเกินไป” กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “การตัดสินใจเสียเปรียบซ้ำซ้อน” บน postflop
บทสรุป: นำหลักการทั้งสี่ไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพใน 4-Bet Pots
สรุปใจความสำคัญของบทความนี้ได้ดังนี้
- สร้าง preflop range ที่มีโครงสร้างดีสำหรับทั้งการ 4-bet และการ call 4-bet
- ในฐานะ 4-bettor ควร ปกป้อง checking range โดยผสมการ check ด้วยบางส่วนของ strong hands
- ใช้ประโยชน์จาก range advantage ของคุณด้วย small bet sizes บน postflop
- ในฐานะ preflop caller ต้องพร้อมที่จะ fold อย่าง tight และมีวินัย เมื่อคุณเชื่อมต่อกับ board ได้ไม่ดี หรืออยู่ในสถานะเสียเปรียบด้าน range อย่างชัดเจน
การทำความเข้าใจและนำหลักการเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ จะช่วยให้คุณจัดการกับสถานการณ์ใน 4-bet pots ได้อย่างมีระบบ ลดการตัดสินใจที่ผิดพลาด และเพิ่มความสม่ำเสมอของผลลัพธ์ในระยะยาวบน postflop











