5 รูปแบบการเล่นโป๊กเกอร์ที่คุณควรลอง

โป๊กเกอร์เป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก เนื่องจากมีการผสมผสานระหว่างทักษะ, การคำนวณ, การวางกลยุทธ์ และโชค ทำให้มีความสนุกสนานและท้าทายสำหรับผู้เล่น การแข่งขันโป๊กเกอร์แบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ มีวิธีการเล่นและชื่อเรียกต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน โดยมีรูปแบบที่ได้รับความนิยมดังนี้

 

เหตุผลที่โป๊กเกอร์ได้รับความนิยม

  •   ทักษะและกลยุทธ์ : การเล่นโป๊กเกอร์ไม่ได้พึ่งพาแค่โชค ผู้เล่นต้องใช้ทักษะในการอ่านใจคู่แข่ง คำนวณโอกาส และวางกลยุทธ์ในการเล่น
  • ความสนุกสนานและตื่นเต้น : โป๊กเกอร์มีการบลัฟ (bluffing) ที่ทำให้เกมมีความตื่นเต้น ผู้เล่นสามารถชนะได้แม้มีไพ่ที่ไม่ดี โดยทำให้คู่แข่งเชื่อว่าไพ่ของตนเองแข็งแกร่งกว่า
  • การแข่งขัน: โป๊กเกอร์มีการจัดแข่งขันในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่การเล่นในบ้านระหว่างเพื่อนฝูง จนถึงการแข่งขันระดับโลก เช่น World Series of Poker (WSOP) ที่มีรางวัลสูงระดับโลกและมีผู้เล่นที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมาก
  • การเชื่อมต่อกับผู้คน : การเล่นโป๊กเกอร์ทำให้ผู้เล่นทั่วโลกได้พบปะและสร้างความสัมพันธ์ได้อย่างง่ายดาย

 

5 รูปแบบการเล่นโป๊กเกอร์ที่คุณควรลอง

  1. Texas Hold’em Poker

Texas Hold’em Poker เป็นรูปแบบการเล่นโป๊กเกอร์ที่ได้รับความนิยมที่สุด หากคุณต้องการเรียนรู้โป๊กเกอร์ นี่คือเกมพื้นฐานที่ดีสำหรับการเริ่มต้น เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันระดับโลกที่มีเงินรางวัลสูง อย่างเช่น WSOP, WPT, EPT ฯลฯ ใช้รูปแบบการเล่นนี้

 

Texas Hold’em Poker หรือ NLH (No Limits Hold’em) คืออะไร?
Texas Hold’em Poker คือการแข่งชันที่ผสมผสานทักษะ, กลยุทธ์, และจิตวิทยา ผู้เล่นมีเป้าหมายเอาชนะคู่ต่อสู้ โดยนำไพ่ที่ได้รับแจก 2 ใบกับไพ่ที่เปิดขึ้นที่กองกลาง 5 ใบเพื่อสร้างกลุ่มไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุด

NLH มีผู้เล่นเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยจะมีการบังคับให้วางชิปเดิมพัน 2 คน คือ Small-Blind ที่ต้องวางชิปเดิมพัน 0.5BB และ Big-Blind ที่ต้องวางชิปเดิมพัน 1BB จากนั้นจะแจกไพ่ให้ผู้เล่นคนละ 2 ใบ และเริ่มเล่นที่ตำแหน่งซ้ายของ Big-Blind ซึ่งเรียกว่า Pre-Flop ผู้เล่นวนกันตามเข็มนาฬิกา จนสิ้นสุดที่ Big-Blind จากนั้นจะเปิดไพ่กองกลาง 3 ใบเรียกว่า Flop และเล่นต่อโดยเริ่มจาก Small-Blind, Big-Blind และวนไปเรื่อย ๆ ตามตำแหน่ง จนกว่าจะถึงไพ่ใบที่ 5 ซึ่งเรียกว่า River

ผู้เล่นสามารถใช้ไพ่ในมือและไพ่กองกลางนำมารวมกันเพื่อสร้างไพ่ 5 ใบที่ดีที่สุด Texas Hold’em ขึ้นชื่อว่าเป็นเกมที่ใช้กลยุทธ์ซับซ้อน ผู้เล่นต้องใช้กลยุทธ์โจมตีฝ่ายตรงข้ามจากลักษณะนิสัยและการวางแผนการตัดสินใจอย่างรอบคอบตลอดทั้งเกม Texas Hold’em ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั่วโลกเพราะเข้าถึงได้ง่าย (ปัจจุบันสามารถแข่งขันออนไลน์ได้จากทั่วโลก) มีกติกาเรียบง่าย และมีความตื่นเต้นจากการแข่งขันที่มีเงินรางวัลสูง เช่น WSOP ผู้เล่นใหม่มีโอกาสชนะผู้เล่นที่มีความสามารถได้ ทำให้เกมนี้ยังคงเป็นเกมไพ่ที่น่าตื่นเต้นในผู้เล่นทุกระดับ

 

  1. Omaha Poker

Omaha Poker “โอมาฮาโป๊กเกอร์” เป็นรูปแบบโป๊กเกอร์ที่น่าตื่นเต้นและมีความซับซ้อนของกลยุทธ์ ในรูปแบบ Omaha ผู้เล่นจะได้รับไพ่ 4 ใบ (หรือ 5 หรือ 6 ใบในบางรูปแบบ) แทนที่จะเป็นสองใบใน NLH และต้องใช้ไพ่สองใบในมือรวมกับไพ่กองกลาง 3 ใบจาก 5 ใบเพื่อสร้างไพ่ที่ดีที่สุด

 

 

ประเภทหลักของเกมโอมาฮาโป๊กเกอร์ ได้แก่:

  1. Pot Limit Omaha (PLO): เป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุด โดยผู้เล่นสามารถวางเดิมพันสูงสุดได้เท่ากับขนาดของ Pot เท่านั้น ทำให้มีการวางกลยุทธ์ที่ซับซ้อนและชื่นชอบในหมู่ผู้เล่นที่มีประสบการณ์
  2. No Limit Omaha (NLO): คล้ายกับ PLO แต่ไม่มีข้อจำกัดในการเดิมพัน ผู้เล่นสามารถ All-In ได้ทุกเมื่อ ทำให้เกมนี้ดุดัน
  3. Omaha Hi-Lo: รูปแบบนี้เพิ่มความแปลกใหม่โดยแบ่งชิปกองกลางทั้งหมดให้กับผู้เล่นที่มีไพ่ดีที่สุดและไพ่แย่ที่สุดในแต่ละรอบ

Omaha เป็นการเกมโป๊กเกอร์ที่มีความซับซ้อน ผันผวน ในการเล่นสูง แต่ละประเภท จึงสร้างประสบการณ์ใหม่ และ ความท้าทายสำหรับผู้เล่นเป็นอย่างมาก คุณต้องมีความเข้าใจพื้นฐานการเล่นจาก NLH  อย่างถ่องแท้เกี่ยวกับ อันดับในการชนะของไพ่ , ตำแหน่งในการเล่น และการตัดสินใจที่ซับซ้อน

 

  1. Seven-Card Stud

ในเกมนี้ผู้เล่นจะได้รับไพ่ทั้งหมด 7 ใบ และใช้ไพ่ที่ดีที่สุด 5 ใบเทียบกับคู่ต่อสู้ ซึ่งแตกต่างจาก Texas Hold’em เกม Seven-Card Stud เป็นเกมที่ใช้ไพ่เฉพาะที่ตนเองได้รับ ทำให้เพิ่มองค์ประกอบของกลยุทธ์และข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้น

 

 

รายละเอียดของวิธีการเล่น Seven-Card Stud :

1. การแจกไพ่ครั้งแรก: ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับไพ่สองใบ (ไพ่ในมือ) และ หนึ่งใบที่เปิดไพ่ขึ้นให้ทุกคนเห็น (เรียกว่า “Door Card”)
2. รอบการเดิมพัน: การเดิมพันเริ่มต้นจากผู้เล่นที่ถือได้รับไพ่ที่เปิดขึ้นแต่มีอันดับต่ำสุด ซึ่งเรียกว่า “Bring in” รอบการเดิมพันถัดไปจะได้รับการแจกไพ่ที่เปิดมาให้เพิ่มเติม (“Street”) โดยแต่ละรอบจะมีการ Bet (วางเดิมพัน) ในแต่ละรอบด้วย
3. ไพ่ใบสุดท้าย: เป็นไพ่ใบที่เจ็ด (ไพ่ใบนี้จะถูกแจกโดยการคว่ำหน้า) และจะมีการ Bet เป็นครั้งสุดท้าย
4. เปิดไพ่หาผู้ชนะ : ผู้เล่นเปิดไพ่ที่อยู่ที่หน้าตักของตน และ ผู้ชนะคือผู้ที่เลือกไพ่ห้าใบที่ดีที่สุดจากผู้เล่นที่เหล่ืออยู่ เป็นผู้ชนะได้รับชิปกองกลางทั้งหมดไป

ยังมีรูปแบบของ Seven-Card Stud เพิ่มเติมอีก ได้แก่ Seven-Card Stud Hi-Lo (หรือ Stud 8) ซึ่งเงินรางวัลจะถูกแบ่งกันระหว่างผู้เล่นที่มีไพ่ที่ดีที่สุดและไพ่มือแย่ที่สุด และ Razz ซึ่งเป็นไพ่แบบ lowball ซึ่งแทนที่ผู้ชนะจะได้รับชิปทั้งหมด แต่ มอบชิปให้ผู้เล่นที่ไพ่แย่ที่สุดเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งรูปแบบต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เกิดความซับซ้อนเชิงกลยุทธ์ให้กับเกมโป๊กเกอร์ ทำให้ Seven-Card Stud เป็นตัวเลือกสุดโปรดของผู้ที่ชื่นชอบโป๊กเกอร์

 

  1. 2-7 Triple Draw

2-7 Triple Draw เป็นเกมโป๊กเกอร์ที่อยู่ตรงข้ามกับ NLH เพราะเป้าหมายคือการจัดกลุ่มไพ่ที่แย่ที่สุดแทนที่จะเป็นไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้เล่นจะได้รับแจกไพ่ 5 ใบและมีโอกาสจั่วเปลี่ยนไพ่ 3 ครั้ง ผู้ชนะคือผู้ที่จัดอันดับไพ่ของตนให้ต่ำที่สุด

 

  1. Open-Faced Chinese Poker (OFC Poker)

OFC Poker เป็นโป๊กเกอร์รูปแบบใหม่ที่น่าตื่นเต้น และมีความสร้างสรรค์ซึ่งทำให้ผู้เล่นที่ทดลองเล่นหลงใหลได้อย่างรวดเร็วใน OFC Poker ผู้เล่นจะได้รับไพ่จำนวน 13 ใบ และต้องจัดไพ่เป็น 3 ชุด แยกกัน ได้แก่ ชุดที่ 1 ใช้ไพ่ 5 ใบ ชุดที่ 2 ใช้ไพ่ 5 ใบ และชุดที่ 3 ใช้ไพ่ 3 ใบ กฎที่สำคัญก็คือ ชุดที่อยู่ด้านบน ต้องแข็งแกร่งกว่าชุดที่อยู่ด้านล่าง

ผู้เล่นผลัดกันจั่วไพ่และนำไพ่ที่ได้รับจัดเรียงบนกระดานของตนเอง โดยตัดสินใจวางแผนการเล่น ในระยะเวลาที่กำหนด คะแนนจะได้รับตามความแข็งแกร่งของไพ่ที่จัดเรียง และมีโบนัสพิเศษ สำหรับการใช้ชุดไพ่ที่มีการผสมผสานไพ่ตามรายละเอียดด้านล่าง

 

 

ในการแข่งขันโป๊กเกอร์ในปัจจุบัน มีรูปแบบที่ใช้ในการแข่งขันมากมาย ดังนั้นหากคุณมีกลยุทธ์พื้นฐานที่ดี คุณก็สามารถเปลี่ยนหรือเพิ่มเกมในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับคุณได้ในระยะยาว อย่างลืมทดลองเกมโป๊กเกอร์ใหม่ๆเหล่านี้

Share to . . .

บทความน่าสนใจ