ข้อผิดพลาดสําคัญที่ควรหลีกเลี่ยงบนโต๊ะ Final Table

ด้วยเงินรางวัลแบบก้าวกระโดดที่มีความแตกต่างกันอย่างมหาศาลในการแข่งขันระดับ Major Tournament ระหว่างการได้อันดับท้าย กับการเข้าสู่ Final Table (โต๊ะสุดท้ายของการแข่งขันที่ผู้เล่นที่เหลือทั้งหมดนั่งทำการแข่งขัน) เป็นที่ผู้เข้าแข่งขันโป๊กเกอร์ หวังจะไปให้ถึงในทุกการแข่งขัน


บทความนี้จะนำเสนอเป็นบทความเกี่ยวกับเคล็ดลับที่คุณควรนำไปปรับใช้

ความผิดพลาดที่คุณควรหลีกเลี่ยง โดยเราได้นำการแข่งขันจริงมาวิเคราะห์ และชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น .. ทำให้คุณได้ทำความเข้าใจว่า เหตุการณ์ในการแข่งขันเกิดอะไรขึ้นและความหลีกเลี่ยงได้อย่างไร

เรามาเริ่มกันเลย!

คุณเคยได้ยินคำนี้ไหม ?  ….. “ICM”

ICM มาจาก Stands for Independent Chip Model ซึ่งเราจะมีบทความเกี่ยวกับเรื่อง ICM โดยเฉพาะ สามารถย้อนชมบทความที่เว็บไซต์เทหน้าตักได้เลย!

ส่วนคำอธิบายสั้นๆ ที่ทำให้เข้าใจได้ในตอนนี้ก็คือ ชิปที่คุณมีอยู่ในตอนนี้ เมื่อเทียบกับผู้เล่นทุกคนที่ยังแข่งขันอยู่จะมีโอกาสเปลี่ยนเป็นเงินรางวัลได้เท่าไหร่ เพราะ ชิปที่ใช้แข่งขันไม่สามารถแลกเป็นเงินได้ คุณต้องแข่งขันจนติดอันดับที่มีเงินรางวัลเท่านั้น!

ซึ่งในบทความนี้ ICM ไม่มีผลในการนำมาใช้วิเคราะห์ด้วย เพราะตัวอย่างที่นำมาใช้ในบทความนี้ เป็นตัวอย่างการแข่งขันบนโต๊ะ Final Table ที่เหลือผู้เข้าแข่ง 2 คนเป็นการชิงชนะเลิศ หรือ Head-up นั่นเอง


Heads-Up บนโต๊ะ Final table ชัยชนะจะเป็นของผู้ที่กล้า และเล่นด้วยความดุดัน

การแข่งขันในรูปแบบทัวร์นาเมนต์เป็นความยากที่คุณจะสามารถแข่งขันจนถึงการแข่งขันในรอบสุดท้ายหรือที่เรียกกันว่า Final Table ได้บ่อยๆ แม้กระทั่งการเล่นแบบออนไลน์ก็ตาม และเนื่องจากการที่ไม่ได้เข้าไปถึงบ่อยๆนั่นเอง ทำให้คุณไม่มีประสบการณ์ในการแข่งขันในรอบสุดท้ายมากนัก จนเมื่อถึงการเล่น Heads-up เพื่อแชมป์ในรายการ ดังนั้นเมื่อทำการแข่งขันก็จะเล่นอย่างระมัดระวัง หรือปลอดภัยไว้ก่อน แต่การเล่นด้วยกลยุทธ์ที่ดุดัน กดดันคู่ต่อสู้อย่างหนัก ต่างหากที่นำชัยชนะมาให้คุณ


การเล่นอย่างดุดันด้วยการขยาย Range ของคุณให้กว้าง แล้วOpen raise , 3-bet ให้บ่อยขึ้นในหลายๆ Hands , Defend ที่ตำแหน่ง Big blinds อย่างดุดัน, Call ด้วยไพ่ที่มีโอกาสที่ดี เช่น Marginal hand ฯลฯ จะนำความสำเร็จมาให้คุณ


ตัวอย่างการแข่งขัน ปี 2016 WSOP Main Event – Qui Nguyen แข่งขัน Gordon Vayo

ในการแข่งขัน ปี 2016 ดำเนินจนเหลือผู้เล่นเพียง 2 คน ชิงชนะเลิศกัน (heads-up) ชิงเงินรางวัล มากกว่า 3.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างนักกีฬาโป๊กเกอร์มืออาชีพ ชาวสหรัฐอเมริกา Gordon Vayo กับผู้แข่งขันมือสมัครเล่น Qui Nguyen ที่มีความแตกต่างกันทางด้านประสบการณ์ แต่สิ่งที่ Nguyen ที่เป็นมือสมัครเล่นนั้นทำกับ Vayo ที่เป็นมืออาชีพนั้นแสดงให้เห็นว่า การเล่นด้วยความดุดันนั้นทำให้ผู้เล่นในระดับที่ต่ำกว่าเอาชนะผู้เล่นที่ระดับสูงกว่า และได้รับรางวัลชนะเลิศได้อย่างไร


จากตัวอย่าง การเล่นที่บันทึกไว้ ได้ถูกนำมาแสดงเพื่ออธิบายถึงความพ่ายแพ้ที่ Vayo โดนลงโทษจากการเล่นที่ overly-tight play หรือ รัดกุมมากจนเกินไป

รายการแข่งขัน WSOP Main Event Final Table   รอบชิงชนะเลิศ Blinds 1.2M/2.4M/400K.

Nguyen (BTN) – 218.9M ชิป

Vayo (BB) – 117.7M ชิป

Nguyen ต้องเล่นก่อน ในรอบ Pre-flop เปิดไปที่ 6.7M ด้วยไพ่ J♦ 5♦ 

Vayo calls ด้วยไพ่ Q♥ 9♦.

ที่ Flop มีชิปกองกลางอยู่ที่ 14.2M ไพ่ที่เปิดออกมาคือ  9♣ 4♣ 2♦

Vayo ต้องเล่นก่อนในรอบ Flop นี้ เลือก checks  ถึงตา Nguyen  เลือกที่จะ bets 9.7M และ Vayo calls

Turn มีชิปกองกลาง 33.6M ไพ่ที่เปิดออกมาคือ T♥

Vayo checks อีกครั้ง  Nguyen กดดันต่อด้วยการbets 27.7M  และ  Vayo calls

สุดท้ายที่ River มีชิปกองกลางที่ 89M ไพ่ใบสุดท้ายที่ River เปิดออกมาคือ  5♠

Vayo checks และ  Nguyen ทำการ all-in ชิปทั้งหมดบนหน้าตักของเขา   Vayo  ทำอะไรไม่ได้ต้อง  folds หรือ หมอบ

และนี่คือคำอธิบาย

จากการวิเคราะห์ ของ Doug’s polk ได้กล่าวว่า “ตลอดการแข่งขัน Nguyen เป็นฝ่ายกดดัน Vayo ตลอดทั้งการเผชิญหน้ากัน โดยที่ Hand นี้ การหมอบของ เขาเป็นการเล่นที่ Nit และ Passive จนเกินไป โดยปล่อยให้อีกฝ่ายกดดันจนทำอะไรไม่ได้จนต้องหมอบไปในที่สุด”


ความกลัวที่จะต้องแพ้ และออกจากการแข่งขันFear of Busting

ประเด็นที่จะอธิบายต่อไปนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งจากตัวอย่างข้างต้น (รายการแข่งขัน WSOP Main Event Final Table) ซึ่งเป็นความเข้าใจได้ว่า ผู้เข้าแข่งขันทัวร์นาเมนต์โป๊กเกอร์ทุกคน มีความมุ่งมั่นที่จะคว้าชัยชนะ และไม่ต้องการออกจากการแข่งขันด้วยความพ่ายแพ้ที่ไม่เหมือนกับการเล่นโป๊กเกอร์ Cash game ที่สามารถเติมชิปเข้ามาเล่นได้ตลอดเวลา และไม่จำกัดจำนวนครั้ง เมื่อคุณเสียชิปไปจนหมดด้วยความกลัวที่จะต้องตกรอบออกจากการแข่งขันนี่เอง ที่ทำให้ผู้เข้าแข่งขันมักจะเลือกกลยุทธ์ในการเล่นที่จะปลอดภัยไว้ก่อนเสมอ จนละเลยกลยุทธ์อื่นๆ ที่จะนำมาใช้กดดันคู่ต่อสู้ที่เล่นอยู่บนโต๊ะ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการเล่นที่ Over-passive ดังตัวอย่างที่ยกมานั่นเอง

จากตัวอย่างที Voyo เลือกที่จะหมอบ ที่ River ! แม้แต่เลือกที่จะ Call แทนที่จะ Raise เพื่อความได้เปรียบ จากไพ่ที่ Draw ! ในการเล่นที่ Turn นอกจากนั้น การ Call ยังทิ้งโอกาสที่จะกดดัน ซึ่งจะเพิ่ม fold equity ให้ฝ่ายตรงข้ามให้หมอบไพ่ที่ไม่ดีใน Range ของเขา อีกด้วย

ที่กล่าวมานั้น ไม่ได้หมายความว่าชิปที่คุณมีเพื่อแข่งขัน นั้นไม่มีความหมาย แน่นอน แม้แต่ชิป เพียงชิปเดียวก็มีความหมาย เพียงแต่ถ้าคุณแข่งขันโดยการเล่นด้วยความกลัวที่จะตกรอบ แทนที่คุณจะมุ่งมั่นเล่นเพื่อชัยชนะ นั่นหมายความว่าคุณทิ้งโอกาสสร้างชัยชนะและปล่อยให้ผู้เล่นอื่นข้ามหัวคุณขึ้นไปอีกด้วย


ตัวอย่างการแข่งขัน ปี 2017 WSOP One Drop ระหว่าง Doug Polk กับ Martin Jacobson

Doug Polk ได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่เขามุ่งมั่นฝึกฝนนั่นส่งผลกลับมาในที่สุด สิ่งนั้นเกิดขึ้นในรายการ WSOP ในปี 2017 ชิงเงินรางวัล $111,111 High Roller ในรอบชิงชนะเลิศ

จนถึงการแข่งขันชิงชนะเลิศ เป็นการเล่นแบบตัวต่อตัว หรือ Head-up ซึ่ง Doug Polk ได้แสดงให้เห็นถึงการเล่น แบบ ดุดัน ไม่กลัวที่จะแพ้ตกรอบเมื่อต้องตัดสินใจเล่น จนสามารถเอาชนะ รับรางวัล $3.6 ล้าน พร้อม สร้อยข้อมือสำหรับ แชมป์  WSOP

เรานำการเล่นเพื่อมาวิเคราะห์ อย่างละเอียดโดยมีคำอธิบายความคิด โดย Doug Polk เอง


รายการแข่งขัน WSOP Main Event Final Table รอบชิงชนะเลิศ Blinds 120K/240K/40K

Jacobson อยู่ที่ตำแหน่ง Lo-Jack มีชิปหน้าตักอยู่ที่ 6.7 ล้าน

Polk อยู่ที่ตำแหน่ง Big-Blind มีชิปหน้าตักอยู่ที่ 5.4 ล้าน

Jacobson เล่นก่อน ในรอบ Pre-flop เปิด open raises ที่ 525K ด้วยไพ่ K♠ J♠  Polk ที่ตำแหน่ง BB เลือกที่จะ calls ด้วยไพ่ A♦ T♦.

ที่ Flop มีชิปกองกลางอยู่ที่ 1.5M ไพ่ที่เปิดออกมาคือ K♦ 4♦ 2♠

Polk เล่นก่อนเลือกchecks ไม่ Donk ออกไปก่อน  ฝ่าย Jacobson เลือกbets ในฐานะ Aggressor 450K และ Polk calls

Turn มีชิปกองกลาง 2.4M ไพ่ที่เปิดออกมาคือ3♠

Polk checks อีกครั้ง ส่วน Jacobson bets 1M ส่วน Polk  ได้ทำการ checks-raises กลับไปที่ 4.6M นั่นเท่ากับเป็นการ all-in ฝ่าย Jacobson เลือกที่จะ  folds

และนี่คือคำอธิบายของ Doug Polk

“นี่คือความจริงที่ ผมใช้ประโยชน์ จาก fold equity ด้วยการกดดัน Martin จนต้องหมอบ ไม่เสี่ยงที่จะต้องแพ้และเป็นอันดับที่ 2 จากการ Call ในครั้งนี้ ไพ่ที่แข็งแกร่งของผม ในการเล่นนี้ คือไพ่ที่ Turn เปิดออกมาเป็น 3♠ นั้นช่วยให้การเล่นนี้ สมเหตุสมผล ยิ่งขึ้นเพราะ ช่วยให้ ไพ่ใน Range ของ Big-blind ในฐานะ Caller นั้นแข็งแกร่งขึ้นมากกว่า”

เราสามารถมี  straight ด้วยไพ่ ใน Range ด้วยcombo เช่น 56s/56o, A5s/A5o และ ไพ่ two-pair อีกมากมาย ด้วย combos K4s, K3s, K2s, 32s, 43s, 42s  และ อีกมากมายที่ ผู้เล่นที่ตำแหน่ง BB สามารถมีไพ่ที่แข็งแกร่งมากๆ ด้วยเหตุผลนี้ รวมกับ Action check-raise ทำให้การเล่นนี้เป็นการเล่นที่สมเหตุสมผล”


สุดท้ายที่ Final Table

ในครั้งหน้าถ้าคุณสามารถไปถึง Final Table อย่าเล่นด้วยความกลัวเป็นความผิดพลาดที่คุณควรหลีกเลี่ยง จงคิดนอกกรอบ เงินรางวัลที่ยิ่งใหญ่มีให้แก่ผู้ชนะเสมอ ซึ่งไม่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้เล่นที่ขาดความดุดันอย่างเช่นผู้เล่นที่ชนะรางวัลชนะเลิศที่ยกตัวอย่างมา

Share to