เมื่อเจอ Overcard บน Turn หลังจาก Check-Raise Flop

เมื่อเจอ Overcard บน Turn หลังจาก Check-Raise Flop

นี่คือภาคต่อของซีรีส์การเล่นหลังจาก Check-Raise Flop ก่อนหน้านี้เราได้คุยกันเรื่อง Flush Turn และ Straight Turn ไปแล้ว คราวนี้มาถึงหัวข้อที่หลายคนเล่นพลาดบ่อยที่สุด — การรับมือกับ Overcard Turn

Overcard หมายถึงไพ่สูงที่โผล่มาบน Turn เช่น A♠ หรือ K♦ ซึ่งบ่อยครั้งมันไม่ได้ช่วย Range ของเราเลย แต่กลับช่วยคู่ต่อสู้ที่อยู่ในตำแหน่งมากกว่า

 

ฉากที่ใช้วิเคราะห์

  • Button เปิด (Open-Raise)
  • เรา Defend จาก Big Blind
  • Flop: J♠ 8♠ 2♦
  • Button C-Bet 75%
  • เรา Check-Raise 3.5x → Button Call

Turn ที่ต้องโฟกัส: A♣, A♦, A♥, K♣, K♦, K♥
ซึ่งถือเป็น 20% Runout ที่แย่ที่สุดสำหรับ Range ของเรา

 

ทำไม Overcard Turn ถึงอันตราย?

  1. Bluff ส่วนใหญ่ที่เรา Check-Raise บน Flop ไม่พัฒนาอะไรเลย เมื่อเจอ A หรือ K
  2. สัดส่วนไพ่ “Air” หรือ Ace-high ที่ไม่ติด ทำให้ Range ของเราอ่อนแอลงทันที

    • ตัวอย่าง:
      • บน Turn 4♠ → 32.3% ของ Range เรายังเป็น Air
      • บน Turn 7♥ → 33.5%
      • แต่บน Turn K♥ → พุ่งขึ้น 46.1%
      • และบน Turn A♥ → สูงถึง 53.1%

พูดง่ายๆ คือ Bluff ของเราตายเกือบครึ่ง

 

กลยุทธ์ที่ Solver แนะนำ

  1. Check มากขึ้น แม้จะมีไพ่แข็ง
    เพราะถ้าเรา Bet ทุก Value Hand จะทำให้ Check Range ของเรามีแต่ไพ่อ่อน → Button สามารถ “Stab” ได้เกือบ 100% แล้วกิน Equity ของเราทุกครั้ง
    → Solver จึงเลือกที่จะ Check แม้แต่ Two Pair หรือ Set บางส่วน (30–44% ของเวลา) เพื่อปกป้อง Check Range

  2. Bet ขนาดใหญ่ (~75% Pot) เมื่อเลือกยิง
    • เหตุผล:
      • เราไม่มี Nut Advantage (เช่น คู่ต่อสู้มี Set ของ K ได้ แต่เราไม่มี)
      • SPR (Stack-to-Pot Ratio) ต่ำ เหมาะกับการยิงใหญ่เพื่อเซ็ตอัพ River Shove

  3. Check-Raise Turn บ้าง
    • Solver ให้ Check-Raise บน Turn ประมาณ 23% โดยใช้ Slowplay มือแข็งจาก Flop
    • เพื่อกันไม่ให้ Button Stab ถูกเกินไป

สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าเรา “โลภ” เกินไป

ผู้เล่นหลายคนพลาดตรงนี้ → พยายาม Barrel มือแข็งทุกใบเพราะกลัว River จะเปิด Flush หรือ Straight

แต่ Solver แสดงให้เห็นว่า:

  • ถ้าเรา Barrel Value ทุกใบ → Button จะ Bet Turn 100% ด้วยขนาดใหญ่
  • เพราะ Range ของเราถูก Cap → ขาดมือแข็งมาปกป้อง
  • ผลคือ EV ของเราหายไปมหาศาล (ถึง 126bb/100 ในการจำลอง)

ความต่างระหว่าง K-Turn และ A-Turn

  • K-Turn → เรายังเชื่อมกับ Top Pair ได้ประมาณ 9.6% ของเวลา (เช่นมี Kx ที่ติด)
  • A-Turn → มี Top Pair เพียง 2.6% เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่เราไม่ Check-Raise Nut Flush Draw ตั้งแต่ Flop

ดังนั้น บน A-Turn Solver จะ Check 44% ของ Two Pair และ Set (มากกว่าตอน K-Turn ที่ Check 30%)

Key Takeaway

  • เมื่อเจอ Overcard Turn หลัง Check-Raise Flop → ต้องยอม Check บ่อยขึ้น แม้มีมือแข็ง
  • อย่า Barrel ทุก Value Hand → ไม่งั้น Range จะบางและโดนกดดันง่าย
  • ใช้ Check Range ที่มีทั้ง Draw และ Value ปะปน เพื่อบังคับให้ Button ไม่สามารถ Stab ได้บ่อยเกินไป

และถ้าคุณอยู่ในตำแหน่ง Button ล่ะ?
ถ้าสงสัยว่า “คู่ต่อสู้ Check กลับมา เขามีจริงๆ หรือเปล่า?” แล้วคุณมั่นใจว่าเขาไม่ได้ Check มือแข็งมากพอ → นี่แหละจังหวะที่คุณสามารถกดดันหนักๆ ได้

 

Overcard Turn เป็นหนึ่งในจุดที่เล่นยากที่สุดหลังจาก Check-Raise Flop เพราะมันทำให้ Bluff ส่วนใหญ่ตาย แต่ Solver ชี้ว่า วิธีป้องกันไม่ให้โดนกดดันจนหมดทางเลือก คือการ Check มือแข็งบางส่วนด้วย

การเข้าใจตรงนี้จะทำให้คุณไม่เพียงแต่เล่นจากฝั่ง Big Blind ได้ดีขึ้น แต่ยังใช้ความรู้นี้โจมตีจากฝั่ง Button ได้ด้วย

Share to