หากคุณเป็นผู้เล่นโป๊กเกอร์ที่ต้องการทำเงินให้ได้สูงสุด คุณต้องมีความแม่นยำ ในการเล่น สำหรับทุกๆ Spot ซึ่งในบทความนี้ เราจะนำคุณไปรู้จักความแตกต่างระหว่าง พื้นฐานของประเภทการเล่น ในโป๊กเกอร์ นั่นก็คือ single raised pots และ 3-bet pots
อะไรคือ Single Raised Pots และ 3-Bet Pots?
Single raised pots คือการเล่นที่จะเกิดขึ้นจากการ Raise ใน รอบ Pre-flop ที่มีเพียง ครั้งเดียว จะมี ผู้เล่นอื่น Call กี่คนก็ได้
ยกตัวอย่าง คุณที่ตำแหน่ง ฺButton open raise และ ผู้เล่นที่ตำแหน่ง Big blind Call
3-bet pots จะเกิดขึ้นจากการที่มีผู้เล่น Open Raise ในรอบ Pre-flop และมีผู้เล่นอื่นทำการ re-raises และมีผู้เล่นอีก 1 หรือ มากกว่า call ผู้เล่นที่ re-raises
ยกตัวอย่าง คุณที่ตำแหน่ง Button open raise ผู้เล่นที่ตำแหน่ง SB 3-bet (re-raise) และคุณ Call
ความแตกต่างของแผนการเล่น ระหว่าง Single Raised & 3-Bet Pots
ก่อนอื่นเรามาดูความแตกต่างระหว่างการเล่นทั้งสองประเภทเปรียบเทียบกัน
1.SPR (Stack-to-pot ratio)
2.Preflop ranges
Stack-to-Pot Ratio
Stack-to-pot ratio (SPR) แปลได้ตรงตัวตามหัวข้อเลย ความหมายก็คือ เงินหน้าตักเทียบกับขนาดของเงินกองกลาง ซึ่ง SPR จะนำมาคำนวณในการเล่น ของทุกๆ street ไม่ว่าจะที่ Flop ,Turn หรือ River
ค่า SPR โดยปกติ ของ single raised pots จะสูงกว่า 3-Bet pots ซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลกระทบการเล่นในแต่ละรอบของการเล่น ลองดูจากตัวอย่างการเล่น แบบ heads-up ที่ผู้เล่นทีเงินหน้าตักที่ 100 big blind เท่ากัน
SPR ในการเล่น Single Raise pot เมื่อคุณที่ ตำแหน่ง button raises 2.5bb และ คู่ต่อสู้ที่ตำแหน่ง big blind call ตอนนี้ขนาดของเงินกองกลาง อยู่ที่ 5.5bb โดยที่ผู้เล่นมีเงินหน้าตักเหลืออยู่ที่ 97.5bb in เมื่อคำนวณค่าSPR จะได้
97.5/5.5 = 17.7 SPR
ส่วน SPR ในการเล่น 3-Bet Pot ในตัวอย่างเดียวกัน คือ คุณ raises ที่ 2.5bb ผู้เล่น Big Blind 3-bets ไปที่ 10bb คุณเลือกที่จะcalls ขนาดขอว pot หรือเงินกองกลางตอนนี้อยู่ที่ 20.5bb เข้าไปเล่นที่ Flop โดยที่ผู้เล่นแต่ละคนเหลือ เงินหน้าตักอยู่ที่ 90bb ดังนั้นค่าSPR สำหรับ 3-bet pot จะมีค่า
90/20.5 = 4.39 SRP
คุณมองเห็นความแตกต่างของค่า SPR ที่จะใช้ในการวางแผน C-Betting ไหม?
Preflop Ranges ใน Single Raised และ 3-Bet Pots
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Single Raised กับ 3-Bet Pots ก็คือ Preflop Ranges ในการเล่นแบบ Single raised pots นั้นจะมีการเล่นใน Ranges ที่กว้างมากกว่า ส่วนใน 3-bet pots นั้นจะแคบกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม ในการเล่นทั้งสองประเภท ผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Aggressive จะได้ชิงความได้เปรียบในด้าน Equity ในเรื่อง Range และ Nuts มากกว่าอีกฝ่ายในส่วนใหญ่ของ Flop ทีเปิดขึ้นมาบน Boared ซึ่งจะเอื้อให้เขาสามารถ เล่นต่อที่ Flop อย่างดุดันต่อได้ แม้ไพ่ที่เขามีจะไม่ได้แข็งแกร่งมาก เพราะได้คุณสมบัติที่ดีจากการ เป็นฝ่าย 3-bets
สรุปทำความเข้าใจ
จากที่คุณได้ศึกษาในบทความนี้ถึงความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่าง Single Raised pot กับ 3-bet pots นั่นก็คือ stack-to-pot (SPR)ค่าสัดส่วนระหว่าง เงินหน้าตัก กับ เงินกองกลาง
ค่า SPR ที่มีค่าต่ำ นั่นนำไปสู่แผนการเล่น ของ Aggressor นั่นก็คือ
1. C-bet ได้ในขนาดที่เล็กกว่าปกติ เมื่อมีตำแหน่ง
2. เพิ่มความดุดันด้วยแผนการเล่น check-raise เมื่อเสียเปรียบตำแหน่งการเล่น เพื่อ ตอบโต้ผู้เล่นที่พยายามสร้างความได้เปรียบจากการมีตำแหน่งในการเล่น