Playability เป็นแนวคิดที่สำคัญมากในการเล่นโป๊กเกอร์ มันเป็นสิ่งที่คุณต้องพิจารณาก่อนที่คุณจะตัดสินใจในการเล่นของคุณเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในรอบ Pre-Flop รวมถึง Flop และ Turn ด้วยเช่นเดียวกัน
ในบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Playablility คืออะไร และ มันจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น และ ทำกำไรได้มากขึ้นได้อย่างไร?
Playability คืออะไร?
Playability คือ ความสามารถในการเล่นของไพ่ที่คุณได้รับในตอนเริ่มต้นของเกมที่สามารถนำไปเล่นได้ดีในทุกๆช่วงของเกมการเล่น ตั้งแต่ Pre-Flop ไปจนถึง Showdown หรือ ในความหมายที่ซับซ้อนขึ้น Playability หมายถึง ความสามารถของไพ่ที่คุณได้รับในการทำให้คุณสามารถ Realize Equity เมื่อเปรียบเทียบกับไพ่ใน Range ที่เป็นไปได้ของคู่แข่ง
ตัวอย่างเช่น ไพ่ 8♥ 7♥ ไม่ใช่มือเริ่มต้นที่แข็งแกร่งเลย (แค่ไพ่ 8 High) แต่มันมีความสามารถในการเล่นที่ดี (Good Playability) มันสามารถกลายเป็นไพ่ที่แข็งแกร่งมากได้จากไพ่ที่เปิดขึ้นที่ Flop ซึ่งทำให้มือนี้มีโอกาสชนะเพิ่มมากขึ้น
ในทางกลับกัน ไพ่เช่น A♣ 7♦ ไม่ค่อยมีความสามารถในการเล่นที่ดีนัก (Bad Playability) ไม่ค่อยมีไพ่ที่ Flop มากนักที่จะทำให้มือนี้สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมากได้ คุณอาจได้คู่ A หากไพ่ที่ Flop เปิด A ขึ้นมา แต่มันก็ไม่แข็งแกร่งมากเนื่องจาก Kicker ของคุณที่มีแค่ 7 อาจทำให้คุณถูก Dominate ได้
ไพ่ที่มี Playability สูง มักจะสามารถ สร้าง Equity ที่แท้จริงได้เต็มที่ หรือบางครั้งอาจทำได้มากกว่า Equity จริงที่ควรจะได้ (Over-Realize) ในขณะที่ไพ่ที่มี Playability ต่ำ มักจะทำให้เกิด Equity ในการเล่นจริง ที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (Under-Realize) เมื่อเปรียบเทียบกับ Range ที่เป็นไปได้ของคู่ต่อสู้
ลองทำความเข้าใจจากตัวอย่างเพื่อให้คุณเข้าใจ เกี่ยวกับ Playability มากขึ้น
ตัวอย่างเกี่ยวกับ Playability
เพื่อให้คุณสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดนี้ เราจะแสดงตัวอย่างในการนำไปเล่นจริง ด้วยการจำลองจากโปรแกรม Flopzilla
สมมติว่าผู้เล่นในตำแหน่ง Cut-off เลือกที่จะ Open-Raise ผู้เล่นทุกคน หมอบหมด จนมาถึงคุณที่ตำแหน่ง Big Blind
เราลองจำลอง Range ที่ผู้เล่นในตำแหน่ง Cutoff ทั่วไปมักจะนำมาใช้ในการ Open-Raise นำมาเปรีบเทียบกับ มือที่คุณอาจใช้ในการเล่นเพื่อป้องกันจากตำแหน่ง Big Blind ด้วย K6o ละ 87s
K6o มี Equity อยู่ที่ประมาณ 39% เมื่อเทียบกับ Range ของตำแหน่ง Cutoff ดังภาพด้านบน
87s มี Equity อยู่ที่ประมาณ 39% เมื่อเทียบกับ Range ของตำแหน่ง Cutoff ดังภาพด้านบน
จากโปรแกรม Flopzilla แสดงให้เห็น Equity ของทั้งสองมือนี้มีโอกาสชนะ หรือ Equity อยู่ที่ประมาณ 39% เมื่อเทียบกับ Range ของ Cutoff ที่เลือก Open-Raise
ดังนั้นหากเราพิจารณาจาก Equity เพียงปัจจัยเดียว คุณก็สามารถพูดได้ว่าทั้งสองมือนี้มีค่าเท่ากัน ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริงเลย
ในภาพต่อไปนี้ คุณจะเห็นกลยุทธ์การป้องกันของผู้เล่นที่ตำแหน่ง Big Blind ด้วยหลักการ Optimal ที่ Solver แนะนำให้เล่น เปรียบเทียบกับ Range ของผู้เล่นที่ Cutoff เลือก Open-Raise
สิ่งสำคัญที่ Solver เลือกให้ผู้เล่นที่ตำแหน่ง Big Blind เล่นตามการแนะนำคืออะไร?
K6o นั้นห่างไกลจากไพ่ที่ Solver แนะนำให้ Big Blind นำมา Call อยู่มากเลยทีเดียวซึ่ง Solver แนะนำให้ Call ด้วย K off-suit ต่ำที่สุดคือ K9o ดังนั้น K6o จึงไม่ใกล้เคียงกับการเล่นที่สามารถทำกำไรได้เลย!
ในทางกลับกัน Solver ไม่เพียงแนะนำให้ ไพ่ 87s สามารถ Call ได้เท่านั้น แต่ยังแข็งแกร่งพอที่จะ 3-Bet ได้ด้วย โดย Solver แบ่งความถี่ระหว่างการ Call กับ 3-Bet เท่าๆ กัน
เหตุผลหลักที่ Solver นำมาใช้ในกลยุทธ์นี้นั่นก็คือ Playability ที่ไพ่ 87s มีโอกาสทำกำไรได้มากกว่า ไพ่ K6o เป็นอย่างมากโดยผ่านการทดลองซ้ำๆ เป็นล้านๆ การทดลองเพื่อผลลัพธ์ที่ถูกต้องที่สุด แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ?
อะไรเป็นตัวกำหนดความสามารถในการเล่น หรือ Playability?
ความสามารถในการเล่น (Playability) นั้นส่วนใหญ่มักจะถูกขับเคลื่อนโดยความน่าจะเป็น ที่เมื่อนำไปเล่นแล้ว ไพ่ประเภทนี้จะมีความแข็งแกร่งพอที่จะเล่นต่อได้ เมื่อถูกกดดันจากการ Bet เนื่องจากไพ่ประเภทนี้ สามารถ Realize Equity ในระหว่างการเล่นได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการเล่นที่ Flop ,Turn ,River หรือแม้กระทั่ง ถึงการเล่นสุดท้ายที่ Showdown
เพื่อให้คุณสามารถมองภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เราจึงใช้โปรแกรม Flopzilla เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราเห็น ความน่าจะเป็น ที่เรากล่าวถึงข้างต้น เช่น ไพ่ประเภทใดบ้างที่ Flop ที่จะช่วยให้ไพ่ของเราแข็งแกร่งขึ้น? , ไพ่ประเภทใดที่เราต้องการ? ,ไพ่ประเภทใดที่จะช่วยให้เราเล่นต่อได้เสมอ (หรือเกือบจะเสมอ) เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการ C-bet?, ไพ่ประเภทใดที่แข็งแกร่งพอที่จะทำแบบนั้นได้?
โปรแกรมได้แบ่งประเภทของไพ่ออกเป็นดังต่อไปนี้:
- One pair หรือดีกว่านั้น
- Gutshot straight draws
- Open-ended straight draws
- Flush draws
- Combo draws
ไพ่ประเภทต่างๆเหล่านี้ มีความแข็งแกร่งพอที่จะเล่นต่อเมื่อต้องเผชิญกับ การ C-Bet ได้
ที่ด้านล่างขวาของรูปภาพสองรูปด้านล่าง คุณจะเห็นว่าไพ่ K6o และ 87s มักจะพัฒนาความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นได้มากน้อยเพียงใด:
K6o จะมีโอกาสติดคู่ใดคู่หนึ่ง หรือ Draw ที่ Flop ได้เพียง 40.2%
87s จะมีโอกาสติดคู่ใดคู่หนึ่ง หรือ Draw ที่ Flop ได้มากถึง 62.4%
คุณจะเห็นได้ว่า K6o มีโอกาสติดอะไรที่ Flop ที่แข็งแกร่งพอที่ Call ประมาณ 40% ส่วน 87s มีโอกาสเช่นเดียวกันนี้ อยู่ที่ประมาณ 62%
นั่นหมายความว่า 87s มีโอกาสที่จะเล่นต่อได้มากกว่าถึง 1.5 เท่า
ทำไมความสามารถในการเล่นจึงมีความสำคัญ?
ความสำคัญของการพิจารณาความสามารถในการเล่น (Playability) ของมือเริ่มต้นจะช่วยให้คุณทำผิดพลาดน้อยลง ซึ่งหมายความว่าคุณจะสามารถชนะได้มากขึ้น ซึ่งทางเทคนิคการทำความเข้าใจความสามารถในการเล่นจะช่วยให้คุณเลือกมือในการเล่นได้อย่างถูกต้องจาก Range
ไม่ว่าคุณจะเล่นจากตำแหน่งอะไรก็ตาม เช่น คุณเลือกไพ่เพื่อป้องกันจากตำแหน่ง Big-Blind หรือการ 3-Bet ,4-Bet ฯลฯ
Playability ช่วยให้คุณคัดเลือกมือที่มีโอกาสชนะเท่ากันออกมาได้ดีที่สุด และ เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์นั้นๆ
สรุป
เมื่อคุณทำความเข้าใจความสามารถในการเล่น (Playability) ของไพ่ใน Range ของคุณแล้ว คุณจะสามารถเข้าใจการเลือกกลยุทธ์ในการเล่นโป๊กเกอร์มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีกับคุณในระยะยาว แม้ว่า Playability มีผลต่อกลยุทธ์ Pre-Flop มากกว่า แต่ ก็มีผลต่อ Post-Flop ด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากในการเล่น Post-Flop .. Pot-Odds และ Implied-Odds มีความสำคัญมากกว่ามากในกระบวนการตัดสินใจ เราหวังว่าคุณจะสามารถเข้าใจแนวคิดอย่างถูกต้องและนำไปใช้ในเกมโป๊กเกอร์ของคุณได้