Fold-Equity คือ ความเป็นไปได้หรือโอกาสที่ คู่ต่อสู้จะหมอบ
อะไรทำให้คู่ต่อสู้ของคุณหมอบได้? คุณ Bet, Raise, Check, Fold? หากคุณสามารถ ตอบได้อย่างถูกต้องคุณเริ่มมีความเข้าใจ Fold-Equity แล้ว!
Fold-Equity เกี่ยวข้องกับ Risk/ความเสี่ยง กับ Reward/ผลตอบแทน (ชิปกองกลาง)
การคำนวณ Fold Equity
สิ่งแรกที่คุณควรให้ความสนใจนั่นคือค่าความเสี่ยงต่อผลตอบแทน หรือ Risk to Reward Ratio สามารถเขียนเป็นสมการได้ดังนี้
RTR Ratio= ความเสี่ยง / ผลตอบแทน * 100
ตัวอย่าง
สมมุติว่า มีชิปกองกลาง หรือ Pot อยู่ที่ 100 คุณ Bet ลงไปที่ 40 แทนค่าในสมการจะได้
RTR Ratio = [40 / (40 + 100)] * 100
= [40 / (140)] * 100
= 28.57
ผลของ RTR Ratio มีค่าเท่ากับ 28.57%.
เมื่อได้ค่ามาแล้วทำให้เราทราบว่าหากเราเลือกที่จะ Bluff โดยการ Bet ที่ 40 คุณต้องการ 28.57% ของ Equity ของคุณ เพื่อให้การเล่นนี้เป็นกำไร หากคุณมีโอกาสชนะที่ Showdown มากกว่านี้ นั่นหมายความว่าการเล่นนี้มีกำไรแน่นอน หรือ +EV (มี Open End Straight Draw=32% หรือ Flush Draw =36%) แต่คุณเพิ่มโอกาสชนะ โดยการ Bet ทำให้คุณสามารถกดดันให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสให้คู่ต่อสู้หมอบนั่นคือ คุณมี Fold-Equity เพิ่มเติม
ดังนั้นทำให้เราทราบว่านอกจากเราจะยังพอมี Equity ที่จะชนะแล้ว ยังสามารถเพิ่มโอกาสชนะ ด้วย Fold-Equity ที่เพิ่มเข้ามาอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากคุณไม่มีโอกาสที่จะชนะในการเล่น มีทางเดียวเท่านั้นก็คือ Bluff ดังนั้นคุณจึงมีทางเลือกที่จะเสี่ยงเล่น หรือหมอบทิ้งไปขึ้นอยู่กับ Fold Equity นั้นมีค่ามากกว่า Risk-To-Reward Ratio หรือไม่
สำหรับ Fold-Equity ในด้าน Game Theory ยังสามารถนิยามเพิ่มเติมได้ดังนี้
Fold-Equity = โอกาสที่คู่ต่อสู้จะหมอบ x ขนาดของเงินกองกลาง
ปัญหาก็คือโอกาสที่คู่ต่อสู้จะหมอบมีความหมายเช่นไรได้บ้าง มีไพ่ที่แข็งแกร่ง หรือดีกว่าเรา อยู่ในนั้นไหม ? และหากคุณมีไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุด หรือ Nut การที่คุณ Bet แล้วคู่ต่อสู้หมอบไปเสีย ถือเป็นโอกาสที่คู่ต่อสู้จะหมอบตามสมการไหม? คู่ต่อสู้มีไพ่ Draw ที่สามารถกลับมาชนะ? คู่ต่อสู้ มีแค่ Draw แต่อาจนำมา Bluff ? ทั้งหมดนี้สามารถนำไปเป็นโอกาสที่คู่ต่อสู้จะหมอบในสมการ ได้ไหม?
อย่างไรก็ตามคำจำกัดความข้างต้นที่ชัดเจนที่สุดนั่นก็คือ Fold Equity นั้นมีความสัมพันธ์กับไพ่ของคุณ
ทำความเข้าใจจากตัวอย่าง
วิเคราะห์ Fold-Equity ในการเล่นที่ Flop
ผู้เล่นที่ตำแหน่ง BTN open ผู้เล่นที่ตำแหน่ง BB call ไพ่ที่ Flop เปิดออกมาเป้นA22
เราทดลองโดยการเลือกเฉพาะไพ่ Pocket ต่างๆ ใน Range ของ BTN มาทำการทดลองคือ 33-KK เปรียบเทียบกับ Range ของผู้เล่นที่ตำแหน่ง BB มีคำถามเกิดขึ้นก็คือ ทำไมไพ่ที่ค่าต่ำถึงต้องการที่จะ Bet ออกไปมากกว่าไพ่ที่มีค่าสูง ( 33 ต้องการ bet ที่ความถี่มากกว่า KK ในภาพที่ใช้อธิบายด้านล่างมีสีแดงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ)
เราทำการนำ Range ของผู้เล่นที่ตำแหน่ง BB ไปใส่ในโปรแกรมเพื่อคำนวณ Equity ทำให้ทราบค่าของ Equityระหว่าง KK-33 กับ Range ของผู้เล่นที่ตำแหน่ง BB ที่เป็น Folding Range (ดังภาพด้านล่าง)
สรุป : KK มี Equity ถึง 98% เทียบกับ Range ของ BB ดังนั้น หากคุณ Bet ผลลัพธ์ของ EV ที่ได้ เกือบจะเป็น 0 เทียบกับการ Check คำถามคือทำไม? คำตอบก็คือเนื่องจาก BB จะหมอบไพ่ทุกอย่างของเขาที่แย่กว่าคุณทั้งหมด ยกเว้นไพ่ที่ชนะคุณเท่านั้น คุณไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการเล่นนี้เลย
ในขณะที่ 33 (เป็นไพ่คู่ที่ต่ำที่สุด) ที่ได้ประโยชน์จากการ Bet เนื่องจากไปกดดันไพ่ที่ สูงกว่า (67,89,T9 ฯลฯ) ที่อาจติดอะไรในรอบ Turn หรือ River ดังนั้น 33 จึงBet เพื่อสามารถใช้ประโยชน์จาก Fold-Equity
สรุปบทความ
การนำประโยชน์จาก Fold-Equity มาใช้ในเกมโป๊กเกอร์ของคุณ คือการที่คุณสามารถเพิ่มโอกาสชนะจาก Equity ที่คุณมีอยู่โดยการอาศัยเทคนิคการ Bet, Raise เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด เทียบกับไพ่ในมือ หรือ Range ของคุณ แต่หากการ Bet ไม่ได้ให้ประโยชน์ได้มากกว่าเทียบกับการ Check ในท้ายที่สุดคุณควรพิจารณาไพ่ใน Folding Range ของคู่ต่อสู้ทุกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจ Bet