ผู้เล่นโป๊กเกอร์จำนวนมากมักจะ C-bet (Continuation Bet) ทุกครั้งที่ฟล็อปแล้วได้ Top Pair เพราะคิดว่ายังไงก็ต้องเก็บ Value จากคู่รองให้ได้ แต่ความจริงคือ…การทำแบบนั้นกลับทำให้คุณ “อ่านง่าย” จนคู่ต่อสู้ระดับโปรสามารถใช้ประโยชน์จากคุณได้ทันที
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจว่า เมื่อไหร่ควรเช็กกลับ (Check Back) ทั้งในและนอกตำแหน่ง เพื่อปกป้อง Checking Range ของคุณ พร้อมยกตัวอย่างสถานการณ์จริงที่ Solver ใช้เล่นอย่างมีเหตุผล
เริ่มจากพื้นฐาน: Single Raised Pot และขนาดของ Bet
ในสถานการณ์ที่เป็น Single Raised Pot (เช่น คุณเปิดจาก Button แล้ว Big Blind Call) ค่า SPR (Stack to Pot Ratio) มักจะสูงเกินไปสำหรับการ Value 3 Street ด้วย Top Pair ธรรมดา ๆ
ดังนั้น คุณต้องวางแผนให้ชัดว่าจะเลือกแนวทางไหนระหว่าง 3 แบบนี้:
- Bet 3 Street เพื่อ Value เต็มที่
- C-bet Flop, Double Barrel Turn, แล้ว Check River
- Check Flop, Delay C-bet Turn, Barrel River
แน่นอนว่าไม่มีคำตอบตายตัว แต่ Solver จะเลือกแนวทางตามความแข็งแรงของ Top Pair และโอกาสได้ Value เพิ่มใน Street ต่อไป
เมื่ออยู่ในตำแหน่ง (In Position) – ตัวอย่างจาก Button vs Big Blind
Flop: A♥ T♦ 9♠
Solver ชอบใช้ Bet 75% Pot และพบว่า Top Pair ที่มี Kicker แข็งแรงอย่าง AK–AJ จะถูก Bet บ่อยสุด ส่วน Top Pair Kicker กลาง ๆ อย่าง A8–A6 จะถูก Bet แค่ราว 30–50%
ดังนั้น แทนที่จะพยายามจำเปอร์เซ็นต์ทั้งหมดแบบ Solver เราสามารถใช้ Heuristic ง่าย ๆ ได้ เช่น
- Bet เฉพาะ Top 5 Kicker (AK–A7)
- หรือ Bet เฉพาะ Top Pair ที่มี Backdoor Flush Draw
ทั้งสองแนวทางนี้จะรักษาสมดุลใกล้เคียง Solver ได้โดยไม่ต้องจำซับซ้อน
Flop: T♠ 8♥ 6♦
บนบอร์ดแบบนี้ Top Pair มีความเปราะบางมากกว่า Solver จึงเลือก C-bet มากขึ้น (ราว 72%)
เหตุผลคือคู่ต่อสู้มีมือที่แย่กว่าเยอะ แต่สามารถ Call ได้ เช่น 8x, 6x, หรือ Draw ต่าง ๆ ดังนั้น Top Pair ต้องรีบเก็บ Value ก่อนที่ไพ่ Turn จะทำให้มืออ่อนลง
อย่างไรก็ตาม Solver จะ Check บางมือเช่น QTo และ JTo เพราะเป็นมือที่ถ้าติด Two Pair จะตรงกับไพ่ที่คู่ต่อสู้ Draw ได้ (เช่น Q9 หรือ J9)
แนวทางง่าย ๆ: Bet กับทุก Top Pair Suited และ Check กับ Offsuit บางส่วน เช่น QTo / JTo ครึ่งหนึ่งของเวลา
เมื่ออยู่นอกตำแหน่ง (Out of Position)
การเล่นนอกตำแหน่งยากกว่าเพราะต้องมี Check-Raise Range เพื่อป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้ใช้ Position กดดันมากเกินไป
Flop: T♠ 7♥ 5♦ (Raise จาก Hijack, Button Call)
แม้เราจะมี Overpair ใน Range แต่คู่ต่อสู้มีสัดส่วนของมือ Nutted เยอะกว่า จึงต้องเล่นเกมที่ “ป้องกัน” มากขึ้น โดย Solver แนะนำให้ Bet เล็กเพียง 33% Pot และ Check Top Pair หลายมือเพื่อถ่วงสมดุล
จากทั้งหมด 24 คอมโบของ Top Pair Solver Bet แค่ 13.6 (ประมาณ 56%)
แนวคิดง่าย ๆ คือ Bet เฉพาะ Top Pair Top Kicker (T9 หรือ KTo) หรือสุ่ม Bet ครึ่งหนึ่งของเวลาในทุกมือ
Flop: T♠ 8♥ 6♦ (SB Raise, BB Call)
แม้อยู่ OOP แต่ Solver ยังคงเลือก Bet ใหญ่ 75% Pot เพื่อรีบเก็บ Value และป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้ดึง Equity ฟรีจาก Draw จำนวนมาก
หลักการเดียวกัน: Kicker แข็งแรงและมี Backdoor Flush Draw → Bet บ่อยขึ้น
เช่น T9s จะ Bet มากกว่า T9o
สรุปแนวคิดสำคัญ
การมี Top Pair ไม่ได้หมายความว่าคุณต้อง Bet เสมอไป
การเช็คบางครั้งคือการปกป้อง Range ของคุณเอง และช่วยให้คุณไม่ถูกอ่านง่าย
จำไว้ว่าเป้าหมายไม่ใช่การจำเปอร์เซ็นต์ของ Solver แต่คือการเข้าใจ “เหตุผล” เบื้องหลัง และสร้างกฎส่วนตัวที่ทำให้คุณเล่นได้สมดุลทั้งในและนอกตำแหน่ง
ถ้าคุณปรับกลยุทธ์ให้มีทั้ง Bet และ Check ในสัดส่วนที่เหมาะสม
คุณจะก้าวล้ำผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ยัง C-bet ทุกฟล็อปทันทีที่มีคู่บน











