ไพ่คู่ที่เปิดขึ้นที่ Flop เป็นความท้าทายของผู้เล่นที่กำลังแข่งขันกันอยู่ ทั้งผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Open-Raise และผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Call ในรอบ Pre-Flop เนื่องจากเป็นการยากที่ฝ่ายใดจะมีไพ่ที่สัมพันธ์กับไพ่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ด
ไพ่คู่ หรือ Pair Board หมายถึงอะไร ?
มาดูความหมายกัน หมายถึง ไพ่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ดมีไพ่เดียวกันสองใบ ยกตัวอย่างเช่น KK2, 887, หรือ QQ5
ไพ่คู่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ด หรือ “Paired Flop” นอกจากจะเป็นการบอกโดยเฉพาะเจาะจงว่าไพ่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ดมีลักษณะอย่างไรแล้ว มันยังซ่อนปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาเลือกใช้ในกลยุทธ์ไว้มากมายเกี่ยวกับวิธีการเล่นที่ถูกต้อง ตั้งแต่ขนาดของชิปที่ผู้เล่นแต่ละฝ่ายมีเหลืออยู่ ,ตำแหน่งในการเล่นของผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Open-Raise ในรอบ Pre-Flop , ไพ่คู่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ดนั้นมีค่าต่ำหรือสูงมากเพียงใด หรือแม้แต่ค่าของไพ่ใบที่สามที่เปิดขึ้นที่ Flop ทั้งหมดล้วนส่งผลต่อกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้อย่างเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์
กลยุทธ์สำหรับการเล่นในตำแหน่ง Big-blind ในภาพรวม
ในภาพด้านล่าง แสดงตารางการตอบสนองของผู้เล่นในตำแหน่ง Big-blind จากการถูก C-Bet ที่ขนาด 33% ของ Pot บน Flop ที่มีไพ่คู่ในขนาดต่างๆ อย่างละเอียด โดยสองแถวสุดท้ายจะเป็นการสรุปค่าเฉลี่ย และค่าพื้นฐานที่ควรเล่น ตามลำดับโดยค่าทั้งหมดคิดเป็นเปอร์เซ็นต์
จากภาพเราสามารถสังเกตเห็นแนวโน้มบางอย่างได้ดังนี้
เมื่อเทียบกับ Flop แบบสุ่ม… Flop ที่มีไพ่คู่จะทำให้ผู้เล่นในตำแหน่ง BB ต้องลดการ Call ลง.. และ Check/Raise กลับไปมากขึ้น และ Fold มากขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าตำแหน่งของผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Aggressive ด้วยการ Open-Raise ในรอบ Pre-Flop จะมีตำแหน่งอยู่ที่ตำแหน่งใดก็ตาม และ ไม่ว่าจะมีชิปหน้าตัก ที่มากหรือน้อยเท่าใดก็ตาม เนื่องจาก Flop ที่เป็นไพ่คู่ ผู้เล่นมักจะมีไพ่ที่แข็งแกร่งจริงๆ และ โอกาสที่จะ Bluff จากไพ่ที่มีลุ้น Draw นั้นลดลงไปจนแทบจะไม่มีเลย ทำให้ BB ต้องเลือกจะ Fold มากขึ้น ในทางกลับกันก็ยังเพิ่มการ Raise กลับไปมาขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อกดดันคู่ต่อสู้ เนื่องจาก คู่ต่อสู้จะมีไพ่ที่แข็งแกร่งบนบอร์ดนี้ได้น้อยเช่นเดียวกัน และ ด้วยแผนการเล่นนี้จะทำให้คู่ต่อสู้ต้องพบกับความยากลำบากในการตัดสินใจเล่นต่อด้วยไพ่ที่ยังไม่ติดอะไรบน Flop หรือแม้กระทั่ง Over-Pair ที่สูงกว่าไพ่คู่
ไพ่คู่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ดด้วยไพ่ที่มีค่ากลางๆ นั้นดีที่สุดสำหรับผู้เล่นในตำแหน่ง BB
จะนำมา Raise กลับไป ไพ่คู่ที่มีค่าสูงๆ โดยเฉพาะ A จะส่งผลเสีย นั่นเป็นเพราะ BB มีไพ่กลางๆ เช่น 7, 6 และ 5 ได้มากใน Range ในขณะที่ไพ่ Broadway นั้นมีโอกาสที่ผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Raise จะมีมากกว่า นอกจากนี้ ผู้เล่นทั้งสองฝ่าย ไม่ค่อยมีไพ่ที่ค่าต่ำๆมากนัก ทำให้เมื่อไพ่คู่ต่ำเปิดขึ้นบนบอร์ดจะไม่ได้แย่สำหรับ BB แต่ก็ไม่ได้ดีที่สุดเท่ากับไพ่กลางๆ
BB สามารถ Raise และ Call ได้ในความถี่ที่สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเจอกับผู้เล่นที่มีตำแหน่งในการเล่นหลังๆ หรือ Late-Position เนื่องจากผู้เล่นในตำแหน่งนี้ จะมี Range ในการเล่นที่กว้างมากกว่าปกติ จากตำแหน่งในการเล่น ทำให้ BB สามารถ เล่นอย่างดุดันได้มากเนื่องจากมีโอกาสสูงที่คู่ต่อสู้จะยังไม่ติดอะไรที่ Flop นี้ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับบอร์ดที่เปิดขึ้นมาด้วยว่า สัมพันธ์กับตำแหน่งในการเล่นหรือเข้าทางผู้เล่นฝ่ายใดมากกว่า
กลยุทธ์การเล่นในตำแหน่ง Big Blind
- Small Bet (Lead)
- ใช้กับไพ่ที่มี Value เช่น Trips, Full House หรือแม้แต่ Bluff เล็กน้อยได้จากไพ่ เช่น Overcard
- การนำ (Lead) Bet ออกไปก่อน เป็นสัญญาณว่าคุณอาจมีไพ่ที่แข็งแรง หรืออาจแค่ใช้ Board Texture เล่นเกมจิตวิทยา ซึ่งจะทำให้คู่ต่อสู้ต้องตัดสินใจยากลำบาก
- Check เพื่อปกป้อง Range
- การ Check แสดงถึงการเล่นด้วยความระวัง และ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
- Range หรือ ช่วงไพ่ ที่ควร Check ได้แก่ Overcards, Gutshots หรือมือกลางๆ ที่ไม่แน่ใจว่าจะเล่นต่ออย่างไร
เมื่อเจอกับ C-Bet (Continuation Bet)
- Raise (เชิงรุก):
- Raise เมื่อคุณมี Trips, Full House หรือ Bluff ด้วยไพ่ที่มี Equity เช่น Backdoor Flush Draw
- การ Raise อาจทำให้คู่ต่อสู้มีความกดดันในการเล่น โดยเฉพาะถ้าเขามี Overpairs หรือมือที่พลาด Flop
- Call (เชิงรับ):
- Call ด้วยมือกลาง เช่น Top Pair Weak Kicker หรือ Middle Pair เพื่อเข้าไปเล่นและตัดสินใจต่อไปที่ Turn
- อย่ารีบ Raise ถ้าคุณไม่มั่นใจว่ามือของคุณดีพอ
- Fold:
- Fold หากคุณไม่มี Equity หรือถือไพ่ที่ไม่มีโอกาสชนะ
บทสรุป
การตอบสนองของ BB ต่อการ C-Bet ในการเล่นที่ Flop ที่เปิดไพ่คู่จะแตกต่างกันไปตามขนาดของชิปหน้าตักของผู้เล่นทั้งสองฝ่าย , ตำแหน่งในการเล่นของผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Open-Raise ในรอบ Pre-Flop , ไพ่คู่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ดมีค่าเท่าใด และ ไพ่ 1 ใบที่เปิดขึ้นบนบอร์ดมีค่าเท่าใด ซึ่ง บอร์ดที่มีไพ่คู่เปิดขึ้นมานี้ จะส่งผลให้กลยุทธ์ในการเล่นจะเน้นไปที่การ Raise และ Fold มากกว่าที่จะ Call บนบอร์ดในรูปแบบปกติ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบดังกล่าวข้างต้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์