Board texture คือ วิธีที่ใช้อธิบาย ไพ่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ด ก็คือ 3ใบแรกที่เราเรียกว่า Flop และ อีก 2 ใบที่ Turn และ River โดยแบ่งเป็น Wet board และ Dry board
ทำไม Board texture จึงสำคัญ ?
เพราะไพ่ที่เปิดออกมานั้น เป็นข้อมูลเริ่มต้น ให้เราวางแผนการเล่นต่อไป ไม่ว่าจะเป็น การเลือกขนาดของ Bet-size , จะ C-bet หรือ Check รวมถึงกลยุทธ์ต่างๆใน การเล่นที่ Post-flop เริ่มต้นจาก Board texture ทั้งสิ้น
เราแบ่งประเภทของ Board texture ออกเป็น 2 ประเภท
Wet board ไพ่ที่เปิดมามีความสัมพันธ์ กันมาก
- Suited ไพ่สี
- Connected ไพ่มีเลขใกล้เคียงติดต่อกัน
- Suited & Connected มีทั้งสีและเลขติดต่อกัน
- Draw Heavy ไพ่ที่สามารถลุ้นได้หลายๆแบบ
Dry board ไพ่ที่เปิดมากไม่มีความสัมพันธ์กัน
- Non-suited ไพ่ไม่มีสีเดียวกันเลย
- Non-Connected ไพ่มีเลขที่มีระยะห่างกันมาก
- Pair board ,Way Ahead , Way Behind ไพ่ที่มีไพ่คู่ หรือเรียกว่า ไพ่เบิ้ล
- Next to No Draws ไพ่ที่ไม่มีลุ้นอะไร
เรามาทำความเข้าใจจากตัวอย่างกัน!
K♦ 7♥ 3♠
A♠ 9♣ 4♦
จากตัวอย่างเราจัดประเภทบอร์ดนี้เป็น Dry Board แบบ Non-connected หรือที่นิยมเรียกว่า Rainbow disconnected boards ดังนั้นคำแนะนำในการเล่นขึ้นอยู่กับการเล่นในรอบ Pre-flop ถ้าคุณเป็นฝ่าย Aggressive การเล่นจะเน้นไปที่การ C-bet ขนาดเล็ก เนื่องจากคู่ต่อสู้คงยังไม่สามารถมีไพ่อะไรที่แข็งแกร่งมาเล่นมากนัก
ถ้าคุณเป็นฝ่าย Call คุณก็ควรที่จะ Call ต่อไปด้วย ไพ่ที่ไม่ได้ติดอะไรมากนัก เช่นไพ่ประเภท Overcard หรือคู่กลางๆ ไพ่ที่สามารถไปต่อได้จากการ C-bet ขนาดเล็ก
J♠ J♣ 5♥
9♣ 9♥ 7♣
ประเภทไพ่บนบอร์ดนี้ เราเรียกว่าเป็น Dry Board แบบ Pair-board บอร์ดนี้ เป็นไปได้ยากที่จะมีใครคนใดคนหนึ่งติดอะไรบนบอร์ด จึงเป็นการดีที่จะ Bluff หรือ Bet ด้วยขนาดเล็กๆ จากไพ่ที่ไม่ติดอะไรเลย นอกจากนี้แล้ว เนื่องจากว่าไพ่บนบอร์ดยากที่จะมีคนติดตอง หรือ Trip ดังนั้นจึงมักจะมีผู้เล่นเลือกที่จะ Bluff หรือ Value ด้วย Size ใหญ่ๆ เราจึงเรียกบอร์ดนี้ว่า Way Ahead , Way Behind เพราะ เขาอาจมีไพ่ตองจริงๆ หรือ ไม่มีก็ได้ ซึ่งถ้ามีจริงก็ยากที่เราจะกลับมาชนะไพ่ของเขาได้ ดังคำว่า Way Ahead นั่นเอง
K♠ 9♥ 5♦
J♣ 9♠ 6♥
สำหรับไพ่บนบอร์ดนี้ เราจัดประเภทว่าเป็น Wet Board แบบ Connected ที่ไพ่ติดต่อ สามารถมีไพ่ Draw ที่สามารถกลาย เป็น Straight ได้ใน Street ถัดไป ดังนั้นหากคุณเป็นฝ่าย Aggressive คุณควร C-bet ต่อด้วย Size ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าปกติ เพื่อ ให้ผู้เล่นที่ลุ้นเรียงอยู่ ยอมจ่ายในราคาที่สูง ไม่คุ้มค่า Odds ซึ่งจะทำให้คุณมีกำไรในระยะยาว
ในกรณีที่คุณเป็นฝ่าย Call คุณควรเล่นต่อไปด้วยการ Call หากไพ่คุณสามารถ เล่นต่อได้เช่น กำลังลุ้นเรียงหรือ ติด ไพ่กลางๆ อยู่
Two-tone disconnected boards
K♣ 8♣ 3♦
Q♥ 7♥ 3♣
ไพ่ประเภทที่มีสีเดียวกันสองใบทำให้มีโอกาสที่จะมีผู้ที่จะลุ้นติดสี
Two-tone connected boards
J♠ 8♠ 6♥
T♦ 7♦ 5♣
ไพ่ Wet-Board ที่สามารถ ลุ้นทั้งเรียง และ สีได้ เป็นบอร์ดที่น่ากลัว คุณจึงควรระมัดระวังในการเล่น เราแนะนำให้คุณCheck-raise ด้วยไพ่ Draw ที่แข็งแกร่งต่างๆ เช่น Nut-flush หรือ open-ended straight draws , gutshots และ backdoor flush เข้าไปด้วย
ไพ่ที่คุณเลือกที่จะ Value-bets ควรที่จะแข็งแกร่งมากๆ เช่น Toppair – TopKicker
ไพ่ในประเภทนี้คู่ต่อสู้มักจะเลือกที่จะบลัฟคุณอีกด้วย ดังนั้นคุณควรเลือกที่จะ Call ด้วย Value Hand ต่างๆ ของคุณ
Monotone boards
A♥ T♥ 4♥
J♠ 6♠ 4♠
ไพ่ที่มีสีเดียว เราเรียก Board แบบนี้ว่า Wet-Board เช่นเดียวกับ Wet-Board อื่นๆ คุณควรให้ความระมัดระวังในการเล่น เพราะ เขาอาจมี Flush หรือ กำลังลุ้น Flush อยู่ ที่สำคัญ คือ ถ้าไพ่อีก 1 ใบออกสีเดียวกันอีกจะทำให้เล่นได้ยากมาก
คุณควร Value-bet ด้วยไพ่ที่แข็งแกร่งมากๆ เช่น Set ขึ้นไปจนถึง Flush
คุณควร Check ทุกไพ่ที่คุณมี ที่มีความแข็งแกร่งปานกลางเช่น Toppair-bad Kicker ,Middle pair
ไม่ควร bluff ด้วยไพ่ที่ไม่ได้มีลุ้น Flush
สรุปทำความเข้าใจ
Board texture เป็นเครื่องมือช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบทั่วไปที่เกิดขึ้นบนบอร์ด เพื่อแบ่งประเภท และ นำเสนอวิธีการเล่นเบื้องต้นที่ควรทำความเข้าใจ ดังนั้นห่างคุณต้องการศึกษาเจาะลึกลงไปในรายละเอียด ขอให้คุณศึกษาจากบทความอื่นๆ ในเว็บไซต์ของเรา เพื่อความสำเร็จในการเล่นโป๊กเกอร์ของคุณ