10 แผนการเล่นสุดโหดจาก Poker Player

เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการพัฒนาการเล่นโป๊กเกอร์ของคุณให้มีประสิทธิภาพ หรือลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้น้อยที่สุด วีธีที่จะพัฒนาหนึ่งในนั้นก็คือการขอคำปรึกษาจากผู้เล่นที่มีประสบการณ์ และมันจะมีความหมายมากยิ่งขึ้น เมื่อในปัจจุบันเราสามารถนำคำถามที่เราสงสัย หรือข้อผิดพลาดของเรามาปรึกษาในกลุ่มผู้เล่นโป๊กเกอร์ทางออนไลน์ ด้วยความรู้ในระดับที่สูงขึ้นจากผู้เล่นที่มีประสบการณ์ ความหลากหลายจากความคิดของผู้เล่นที่เสนอข้อคิดเห็นผ่านทางออนไลน์เหล่านี้

 

สำหรับบทความนี้ได้คัดสรรคำถาม และคำตอบรวบรวมมาให้คุณ 10 หัวข้อที่น่าสนใจดังนี้

 

มาเริ่มกันเลย

 

  1. ไพ่ของผู้เล่น Loose Cannon (ผู้เล่นที่เล่นไพ่กว้ากว่าปกติ และการเล่นดุดัน)

ดูเหมือนคำถามแรกก็น่าสนใจแล้วกับการเล่นที่ดุดัน เรามาลองดูคำตอบที่ได้กัน

คำตอบที่ 1# เป็นการเล่นที่น่าสนใจ แต่สิ่งเดียวที่กังวลก็คือไพ่ที่คุณนำมา Check-Raise ที่ Flopนี้มันดูกว้างไปสักนิด

คำตอบที่ได้ดูเป็นเหตุผลที่ดี เนื่องจากไพ่ที่สามารถนำมา Bluff ได้นั้นประกอบไปด้วยไพ่ที่มากมายใน Range นอกจาก 65s ในมือแล้วยังประกอบไปด้วยไพ่ที่เป็น Back-Door ต่างๆ

ยกตัวอย่างเช่นไพ่ QJs ,JTs, QTs หรือแม้กระทั่ง AQ ที่เป็น Flush Draw

ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าวจึงไม่ค่อยนิยมใช้กลยุทธ์การเล่นที่ดุดันกับ Range ของคู่ต่อสู้ที่เป็นผู้เล่นประเภท Tight ที่เขา 3-bet เข้ามาเล่น เขามีโอกาสสูงที่จะติดบางอย่างที่ใหญ่มากบนบอร์ดนี้

คำตอบที่ 2 # Fold แต่ถ้าหากคุณมีไพ่ที่ดีมีโอกาสที่จะชนะ ฉันเลือกที่จะเล่นด้วยการ Call มากกว่านะ

จุดประสงค์ของคำตอบนี้น่าสนใจตรงที่ผลตอบแทนจากการหมอบนั้นให้ค่า EV ที่สูงกว่า(EV สำหรับการหมอบนั้นสูงกว่าทำอย่างอื่น ซึ่งตัวอย่างนี้คือ 65s) ความหวังเดียวของการเล่นนี้ก็คือ ไพ่ที่ Turn ที่เปิดออกมาสามารถทำให้ไปต่อได้และหวังว่า River เราจะติดมัน ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมาก

คำตอบที่ 3# [Preflop] มันจะเป็นอย่างไรก็ตามในความเห็นของฉัน คิดว่าควรจะแค่ Call หรือ Limp แล้ว Call เมื่อมีผู้เล่นอื่น Raise ซึ่งจากคำถามการเล่นก็ไม่ได้เป็นความผิดพลาดแต่อย่างใด มันอยู่ที่แผนการเล่นต่อที่  [Flop] ของคุณ มันทำได้นะสำหรับบางไพ่ใน Range ของคุณ แต่ Equity โดยรวมมันต่ำไปสักหน่อยสำหรับการเลือกที่จะ Raise

และจากการเล่นที่ Turn ของคุณที่หวังจะให้เขาหมอบ AK หรือ AA (ที่เขามีโอกาสมี) แต่ในความเป็นจริงแทบไม่มีทางเป็นไปได้ (เขาไม่หมอบให้)

คำตอบที่ 3 นั้นมาจากสมาชิกที่มีความสามารถสูงในกลุ่มถาม/ตอบ ปัญหาในเรื่องโป๊กเกอร์ที่มาพร้อมการวิเคราะห์การเล่นที่ Pre-Flop มันเป็นการเล่นที่ถูกแล้วอย่างแท้จริงในการเลือกที่จะ Call แต่มันดูเหมือนจะเป็นการเล่นที่ไม่ดีเอาเสียเลยหากการเล่นต่อที่ Flop ของคุณผิดพลาดซึ่งจะนำความเสียหายเป็นอย่างมากมาให้

ซึ่งในการเล่นการเลือกที่จะ All-in ในความคิดเห็นของคู่ต่อสู้ก็คือ การBluff โดยไพ่ส่วนใหญ่ใน Range จำพวก Draw ต่างๆ เช่น JT, QT, QJ ที่ติด1 คู่ที่ Turn และมีลุ้น straight อยู่ด้วย

 

  1. GTO หรือ GT-NO?

 

คำตอบนั้นได้มากจากโค้ชการเล่น Cash Game ที่เคยให้คำตอบดีๆ มากมายในกลุ่ม

คำตอบที่ 1# ใช้กลยุทธ์ในแบบ exploit ถ้าคุณสามารถที่จะทำได้ แต่คุณต้องแน่ใจด้วยนะว่าทำไมคุณถึงเลือกที่จะเล่นแบบนั้น (พยายามทำความเข้าใจว่าทำไม GTO เลือกที่จะเล่นแบบใดในจุดนั้นๆ และคู่ต่อสู้นั้นมีการเล่นที่แตกต่างออกไปเพียงใด(ออกจาก GTO) นี่คือการเล่นที่ถูกต้องในการ Exploit)

เป็นคำตอบที่ถูกต้องและตรงประเด็นที่สุดว่าการ Exploit ที่ถูกต้องนั้นมาจากการนำข้อผิดพลาด จากการเล่นออกจาก GTOของคู่ต่อสู้นั้นมาโจมตี

คำตอบที่ 2 # คุณไม่ควรเล่น GTO ในระดับที่คุณเล่น แม้แต่ที่ระดับ 50NL ที่ผู้เล่นโดยส่วนมากนั้นเป็นผู้เล่นทั่วไป ที่มักจะดูแค่ไพ่ที่ตัวเองถือ และ Over-Fold หากไม่ติดอะไร หรือ บ่อยครั้งที่คุณต้องเข้าไปเล่นใน Pot แบบ Multiway โดยเฉพาะ กับผู้เล่นประเภท Fish ที่มักจะ Call ด้วย ไพ่ที่ไม่ได้ดีมาก เช่น Top-Pair Bad Kicker หรือ Middle pair โดยไม่เข้าใจว่าควรเลือกที่จะหมอบให้กับการ Bet หรือ Raise ขนาดใหญ่ๆ  (คุณจึงไม่ควรที่จะBluff )

เป็นคำแนะนำที่ดีที่เราขอเสริมว่า คุณเพียงเรียนรู้ GTO เพื่อให้ทราบถึงการเล่นมาตรฐาน แต่ไม่ควรนำมาใช้ในกลยุทธ์ หรือแผนการเล่นของคุณ เพราะถึงแม้ว่าแผนการเล่นแบบ GTO นั้นจะไม่ทำให้คุณสูญเสียในระยะยาว แต่มันก็ไม่สามารถทำให้คุณมีกำไรได้มากพอด้วยเช่นเดียวกัน

ที่คุณต้องการก็คือแผนการเล่นที่มั่นคงในการเจาะจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ ด้วยวิธีการเพิ่มเติมนี้จะช่วยทำให้คุณสามารถทำกำไรเพิ่มเติมจากปกติ ในระดับที่คุณเล่นอยู่ได้ หรืออาจกล่าวได้ว่า แผนการเล่นแบบ Exploit เป็นแผนการเล่นที่ถูกต้องสำหรับระดับ Micro – Mid Stake

 

  1. สถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจให้ถูกต้องเมื่อคุณมี Deep Stack

คำตอบที่ 1 # ดูเหมือนคุณจะเจอกับ Set over Set นะครับ เขาอาจจะมี AA หรือ TT ได้

 

คำตอบที่ 2 # ผมจะให้คำตอบตาม GTO และใช้ MDF ในการตัดสินใจ (MDF =Minimum Defense Frequency คือความถี่ที่คุณควร Call เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้ Exploit ได้) เขา Bet 1000 ชิป เพื่อ ชนะกองกลาง226 ดังนั้นเราก็คำนวณออกมาได้ว่า 226/1226 ทำให้อยู่ในรูปอย่างง่ายก็คือประมาณ 1/5 ของ Range ของคุณ ซึ่ง 22 นั่นคือไพ่ที่อยู่บนสุดของ Range ดังนั้น ง่ายมาก กด Call

สำหรับคำตอบที่ 2 นี้ ดูเหมือนจะ ผิดหลักในเรื่องการใช้งาน Minimum Defense Frequencies (MDF) และเราอยากให้คุณได้ทราบว่า

คุณควรใช้ MDF เป็นเหมือนเครื่องมือช่วยตัดสินใจ ไม่ใช่เครื่องมือที่ต้องปฏิบัติตาม

MDF ความหมายของมันคือเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำใน Range ของคุณ ที่คุณควรนำมาใช้เพื่อป้องกันการถูก Exploit จากคู่ต่อสู้ที่เลือกที่จะ Bluff เป็นแนวคิดที่สำคัญในทฤษฎีเกมโป๊กเกอร์ ซึ่งจากคำตอบที่ 2 ดูเหมือนจะใช้มันเกินขอบเขต

เรามาลองพิจารณาการเล่นนี้อย่างละเอียด

ผู้เล่นทั่วไปที่ Open-Raised ขนาด 6 ฺBB จากตำแหน่งUTG (แข็งแกร่งมาก) ที่ถูกผู้เล่น 3 คนสามารถ Call ได้ เลือกตัดสินใจที่จะ C-bet ใส่ผู้เล่นที่มี Range แข็งแกร่งเช่นเดียวกันกับเขาบน บอร์ด ที่เขาสามารถมี Nut Advantage (ไพ่ที่แข็งแกร่งมากๆ) บนบอร์ดนี้ได้แก่ AA ,AK ,TT

ด้วยเหตุผลดังกล่าวคุณจึงไม่ควรที่จะ Raise ด้วย ไพ่ Set 2 ที่คุณมี ยกเว้นผู้เล่น UTG เป็นพวก Fish หรือ Calling Station เท่านั้น แต่ถึงกระนั้น เมื่อคุณเลือกที่จะ Raise แล้วเขาสามารถ 3-Bet All-In กลับมาได้ที่ประมาณ 500 Big-Blind (เป็น การ Bet ที่ Over-Pot มาก Pot มีประมาณ 100BB เท่านั้น) ไพ่ในมือของเขานั้นควรจะมี TT หรือ AA เท่านั้น

ดังนั้นคุณอาจ Call ได้หากผู้เล่นคนนั้นเป็นประเภทมั่ว แต่จากคำถามไม่ได้มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ ดังนั้นการเล่นที่ถูกต้องในความคิดเห็นของคำตอบนี้คือแค่ Call ที่ Flop นี้เท่านั้น หากคุณเลือกที่จะ Raise คุณคงพร้อมที่จะหมอบได้เมื่อถูก All-In เหมือนคำถามนี้

 

  1. แผนการเล่น Set mining ประสบความสำเร็จ

คำตอบที่ 1 # การ Raise ที่ Flop นั้นไม่ถูกต้องเอามากๆ

เรามาตรวจสอบคำตอบว่าถูกต้องหรือไม่ โดยการวิเคราะห์กัน

สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญตรงนี้คือ Nut-Disadvantage (ตรงกันข้ามกับ Nut-Advantage นะ) ดังนั้นการที่คุณเลือกที่จะ Raise กลับไปนั้นดูจะไม่เหมาะสมถูกต้องนัก หรือหากมองในอีกมุมก็คือผู้เล่นที่ UTG+1 จากตำแหน่งในการเล่น Range ของเขานั้น แข็งแกร่งมากบนบอร์ดนี้ เช่น Top Two-Pair ,Set  ขณะที่ไพ่ที่แข็งแกร่งของของคุณมีโอกาสถือ 99 เพียงเท่านั้น

นอกจากนั้นที่บอร์ดนี้ยังไม่ได้มีอะไรที่ Connect มากนัก สิ่งที่คุณควรทำที่จุดนี้คือการ Flat-Call นั่นคือสิ่งทีคุณควรทำกับทั้งหมดของไพ่ใน Range ของคุณ และการ Raise ยังเป็นการบีบให้ไพ่ที่ไม่ดีใน Range ของคู่ต่อสู้ หมอบเหลือแต่ไพ่ที่ดีเท่านั้นอีกด้วย

คำตอบที่ 2# ผมคงเลือกที่จะ Over-Bet Shove ที่ Turn โดยหวังจะได้ Value จากไพ่ AK หรือ Ax จากRange ของ UTG+1 ที่อาจจะไม่หมอบ โดยคู่ต่อสู้ อาจมองว่าคุณอาจจะเล่นเช่นเดียวกันนี้กับ Flush Draw ได้เช่นเดียวกัน

 

สำหรับคำตอบที่ได้นี้อาจจะไม่ถูกต้องเนื่องจากระบบการคิดในการเล่นนั้น อาจนำไปสู่ความผิดพลาดได้ในอนาคต ปัญหาสำหรับคำตอบนี้ก็คือเมื่อใดก็ตามที่คุณมั่นใจว่า Range ของผู้เล่น UTG+1 นั้นสามารถ Call Over-Bet Shove ขนาด 400BB ด้วยไพ่ AJ นั่นหมายความว่าคุณไม่ควร Bluff ผู้เล่นคนนี้ด้วย Flush Draw

คำตอบที่ 3# ผมคงไม่ Raise แม้แต่ไพ่ที่ดีที่สุดใน Range โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเล่นด้วย Stack ที่ Deep มากๆ เช่นนี้การที่่คุณ Raise นั้นมีความหมายได้อย่างเดียวคือ หวังว่าคู่ต่อสู้จะ Call ด้วย Hand ที่แย่กว่าคุณ นอกจากนี้ยังทำให้ไพ่ใน Range ของคุณอ่อนแอลงไปด้วย นั่นหมายความว่าเขาสามารถอ่านการเล่นของคุณ และเลือกที่จะจัดการโดยการ Bet เล็กๆ เพื่อสร้าง Value หรือ Bluff ขนาดใหญ่ที่ River ที่คุณไม่สามารถเล่นต่อได้

และเมื่อใดก็ตามที่คุณเสียหมดหน้าตัก คุณอาจคิดว่า “ แย่ที่สุด ฉันโดน Bad-Beat หรือ Cooler อีกแล้ว”

 

  1. เมื่อการตัดสินใจ Squeeze ผิดพลาด

คำตอบที่ 1# ผมไม่ค่อยชอบ ขนาดของการ Squeeze ที่เล็กไป ถ้าเล่น Online ควรจะประมาณ 75 หรือ หากเล่น Live ควรไปที่ 90

เราเห็นด้วยกับคำตอบที่ 1 แต่เราจะลงลึกในรายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ขนาดของ Squeeze ที่ 65 นั้นเป็นขนาดเดียวกับ Pot ทำให้เป็นขนาดที่ Optimal เกี่ยวกับความเสี่ยง/ ผลตอบแทน  และนอกจากนี้ยังมีการเล่นที่สามารถเล่นได้คือเลือกที่จะ Call ได้เช่นเดียวกัน

คำตอบที่ 2# ฉันชอบนะที่คุณเลือกที่จะ Squeeze  และ C-bet เล็กที่ Flop แต่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกที่จะ All-in ที่ Turn เนื่องจากไพ่ส่วนใหญ่ที่สามารถ Call ที่ Flop ได้นั้นสามารถ Call ที่ Turn ได้เช่นเดียวกัน ฉันคิดว่าไพ่ใน Range ของเขานั้นประกอบไปด้วย A ดีๆ , Set และมี Nut-Flush Draw รวมอยู่ด้วย

คำตอบที่ 3# การเล่นที่ Flop ผมคิดว่าคุณควรเลือกที่จะ Check นะ เนื่องจาก Range ของคุณนั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากนักเมื่อเทียบกับผู้เล่นอีกสองคนที่เข้ามาเล่น แต่ Bet ก็ได้นะ แต่ก็ควรลดขนาดลงนิดหน่อยหากเลือกแนวทางที่จะ Aggressive ต่อ ใช้ขนาดราวๆ 60

คำตอบที่ 4# ผมจะกาหัวผู้เล่นที่ตำแหน่ง Button ไว้ เขาเป็นเป้าหมายของคุณ !

 

  1. ปัญหาของการเล่น Deep Stack

คำตอบที่ 1# ผมคิดว่า การที่มี Stack Deep เพิ่มจาก 100 – 200BB ไม่ได้หมายความว่าคุณควรเปลี่ยน แผนการเล่น แต่มันทำให้ค่า Stack-to-Pot ratio นั่นเปลี่ยนแปลง (สูงขึ้น) ซึ่งจะทำให้ การเล่นที่ได้เปรียบตำแหน่งในการเล่นนั้นสูงมากขึ้นอีก

 

คุณสามารถเพิ่มขนาดในการ Raise หรือ Bet เพื่อใช้ให้ได้เปรียบในการ Exploit ระวังในเรื่อง Implied-Reverse Implied Odd!

คำตอบที่ 2# ในทางทฤษฎี คุณไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขนาด ของ Bet-Size ส่วนการขยาย Range ในการเล่นนั้น หมายถึงการที่คุณเพิ่มโอกาสที่จะผิดพลาดให้มากยิ่งขึ้น และเสี่ยงที่จะเสียชิปหน้าตักของคุณมากกว่าเดิมอีกด้วย

คำตอบที่สองนี้น่าสนใจ เนื่องจากการเพิ่มขนาด Bet-Size ที่ Pre-Flop โดย Range ที่ใช้เล่นเหมือนเดิมกับ 100BB นั้นเปิดโอกาสให้ถูก Exploit จากการ 3-Bet ได้มากยิ่งขึ้น
นำคำตอบ 2 ข้อนี้มารวมกัน จะเห็นได้ชัดว่า การที่คุณมีชิปหน้าตักมากขึ้นแล้วขยาย Range หรือ เพิ่มขนาด Bet-Size นั้นเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นให้มากขึ้นนั่นเอง

 

  1. เจอการเล่นบ้าๆ ทั้งห้อง

คำตอบที่ 1# ประการแรกที่คุณควรเตรียมตัว คือ ความปั่นป่วน ประสาท และ ความผันผวนของชิปและชัยชนะของคุณ สิ่งเดียวที่คุณทำได้คือ เลือกไพ่ที่ดีที่สุดในการเล่น และ ภาวนาให้ไพ่ของคุณเข้า ไม่มีวันที่จะลุกออกจากห้อง ผมจะเติมชิปเข้าไปให้เต็มตลอด

คำตอบที่ 2 # บางครั้งเสน่ห์ในเกมโป๊กเกอร์ก็คือความบ้าคลั่ง (โดยเฉพาะมือใหม่) มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้น  โดยปกติแล้วจะมาจากอาการ Tilt สิ่งที่ดีก็คือ พวกเขา มีอาวุธเพียงอย่างเดียวคือ ดวง หากคุณสามารถจัดการกับอารมณ์ของคุณได้ คุณจะเป็นผู้ชนะเพียงคนเดียวบนโต๊ะนั้น หากคุณทำไม่ได้ บางทีคุณควรลุกออกจากโต๊ะ เพราะ สุขภาพจิตใจของคุณอาจมีค่ามากกว่า

 

อย่างไรก็ดี คุณควรมีชิป ในการเล่นที่มากกว่าพวกเขาทุกคน หากเป็นไปได้ เมื่อใดที่คุณเสีย คุณควร Re-Buy เข้าไปเล่นให้มากที่สุดจนคุณหมดตัว อย่าเลิกจนกว่าพวกเขาจะหมด มันอาจจะ วุ่นวาย สับสน แต่ท้ายที่สุดแล้วมันจะเป็นวันที่คุณมีความสุข

 

  1. คำถามเกี่ยวกับ Software

คำตอบที่ 1# PIO เป็นเครื่องมือที่ดี ถ้าคุณรู้วิธีการใช้งาน และการนำมาปรับใช้ในการเล่น ส่วน Snowie คุณแค่นำมาปรับใช้ในการเล่นเพียงอย่างเดียว

ขออธิบายเพิ่มเติมคำตอบที่ 1 นี้ ว่าโปรแกรมทั้งสองโปรแกรมนี้สามารถนำมาใช้ควบคู่กันได้ คุณสามารถใช้ Poker Snowie ในการสร้างแผนการเล่นPre-Flop สำหรับ Stack Size ต่างๆ, ตำแหน่งในเล่น , Ante และนำค่าไปใส่ใน โปรแกรม  PIO Solver เพื่อให้คำนวณผลการเล่นและ กลยุทธ์ที่ถูกต้องต่อไป

 

  1. สับสนว่าคำตอบที่ถูกต้องคืออะไร

เรามีคำตอบที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการคำนวณว่าคุณควร Bluff ด้วยความถี่ (มากขนาดไหน) ที่จะเสมอตัวนั่นก็คือ

เอาสิ่งที่คุณต้องการเสี่ยง / ผลตอบแทนที่จะได้รับ เมื่อ คู่ต่อสู้หมอบ

ดังนั้นจากตัวอย่าง สิ่งที่คุณเสี่ยง 1060 / ผลตอบแทน 1060(ที่คุณเสี่ยง) + 150(A Bet) + 482 (Pot) = 0.6242

นั่นเท่ากับคุณต้องการให้คู่ต่อสู้หมอบ หรือ  Fold Equity ที่ประมาณ 62.64%

 

  1. คำถามที่ Optimal ในการ Call หรือ Raise

คำตอบที่ได้คือเราสามารถ C-Bet ได้ใน 4 กลุ่มของ Hand และ Check-Back ใน 3 กลุ่ม
สำหรับ 98 นั้นสามารถ C-Bet ประมาณ 50% การที่มี Range Advantage นั้นไม่สามารถ แปลออกมาว่า สามารถ C-Bet ใน เปอร์เซ็นต์ที่มากขึ้น โดยการคำนวณของโปรแกรม Solver

 

บทสรุป
ในระบบสังคมผู้เล่นโป๊กเกอร์ในปัจจุบันคุณสามารถหาความรู้เพิ่มเติม หรือค้นหาสังคมโป๊กเกอร์ดีๆ ที่จะมาช่วยพัฒนาการเล่นโป๊กเกอร์ของคุณได้ และช่วยกันค้นหากลยุทธ์ใหม่ๆ รวบรวมความรู้ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

Share to