คู่มือในการเล่น Fixed , Pot & No Limit ในโป๊กเกอร์ Texas hold’em

ในโลกของการแข่งขันโป๊กเกอร์การทำความเข้าใจกฏ ,กติกา ,วิธีการเล่น ,กลยุทธ์ ฯลฯ รวมถึงโครงสร้างการเดิมพัน ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของผู้เล่นทุกคน

วิธีที่คุณเดิมพันในเกมสามารถส่งผลต่อกลยุทธ์ ความสำเร็จ และผลกำไรของคุณได้.. ในบทความนี้ เราจะนำคุณไปรู้จักรูปแบบการเดิมพันในการแข่งขันโป๊กเกอร์ที่ได้รับความนิยมจนถือเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการแข่งขัน สามรูปแบบ ได้แก่ Fixed Limit (ฟิกซ์ลิมิต), Pot Limit (พ็อตลิมิต) และสุดท้ายที่เราคุ้นเคยที่สุด No Limit (โนลิมิต) ซึ่งการแข่งขันในแต่ละรูปแบบมีเอกลักษณ์และกลยุทธ์ที่น่าหลงไหลเฉพาะตัว ที่จะมาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันดังนี้

ความแตกต่างระหว่าง Fixed Limit, Pot Limit และ No Limit ในเกมโป๊กเกอร์

ทั้งสามรูปแบบเป็นการแข่งขันโป๊กเกอร์ ในกติกาที่มีการกำหนดขอบเขตของการเดิมพัน และมีลักษณะการเล่นที่แตกต่างโดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้

• Fixed Limit มี Fixed Limit และ Pot Limit
• No Limit

เรามาทำความเข้าใจโป๊กเกอร์ในรูปแบบ Fixed Limit

“Fixed-Limit poker” หรือ โป๊กเกอร์ในรูปแบบที่จำกัดขนาดการเดิมพัน ซึ่งแตกต่างจาก No limit โดยสิ้นเชิง การแข่งขันในรูปแบบนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากมันเป็นพื้นฐานสำหรับผู้เล่นใหม่ ที่ต้องการทำความเข้าใจหลักการเล่นโป๊กเกอร์ที่ถูกต้องโดยไม่ต้องมีความเสี่ยงมาก แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะละเลยพื้นฐานที่สำคัญ อย่างเช่น Pot-Odds ,Implied-Odds ,Range ฯลฯ ไปได้

จากภาพตารางการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ ในรายการ Asian Poker Tour หรือ APT ที่เป็นการแข่งขันในรูปแบบ Limits

“Pot-Limit poker” เป็นรูปแบบการเล่น Poker ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากมันเป็นเกมที่สมดุล คือ ไม่เสี่ยงสูงจนเกินไป ที่เราสามารถพบได้มากที่สุดคือ Pot-Limit Omaha ที่มีการแจกไพ่เริ่มต้น 4-5 หรือ 6 ใบ ในการแข่งขัน

จากภาพตารางการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ ในรายการ Asian Poker Tour หรือ APT ที่เป็นการแข่งขันในรูปแบบ Pot Limit Omaha

เรามาเรียนรู้ข้อแตกต่างของการแข่งขันในแต่ละประเภทว่ามีข้อแตกต่างในรายละเอียดอย่างใดบ้าง

1. Fixed Limit (ฟิกซ์ ลิมิต)

ลักษณะการเล่น:

• มีการกำหนดจำนวนชิปเดิมพันที่แน่นอนในแต่ละรอบ (Fixed Bet Size)
• ผู้เล่นสามารถเดิมพัน(Bet) หรือ เพิ่ม(Raise) ได้เท่ากับจำนวนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเท่านั้น เช่น ในการแข่งขัน Fixed Limit 1/2 เกม หมายความว่า:
  • รอบ Preflop และ Flop : จะสามารถ Bet หรือ Raise ได้ครั้งละ 1 ชิป
  • รอบ Turn และ River : จะสามารถ Bet หรือ Raise ได้ครั้ง 2 ชิป
• มีการจำกัดจำนวนครั้งที่ผู้เล่นสามารถเพิ่มเงิน (Raise) ได้ในแต่ละรอบ เช่น อนุญาตให้ Raise ได้ 4 ครั้ง (Bet, Raise, Re-Raise, และ Cap) เพื่อไม่ให้มีการ Raise ไปมาจนไม่สิ้นสุด จนถึง All-in (ถ้าเป็นในกรณีนั้นเราควรเปลี่ยนไปเล่น No Litmit ดีกว่า)

ข้อดี:

• ลดความเสี่ยง และ ความผันผวน ในการเล่นลง เพราะขนาดของการเดิมพันถูกจำกัด
• เหมาะสำหรับผู้เล่นเริ่มต้นที่ต้องการควบคุมเงินทุน และ ความเสี่ยง

ข้อเสีย:

• ผู้เล่นมีโอกาสใช้กลยุทธ์ในการเล่นได้น้อยกว่า (เล่นการ Bluff เนื่องจากขนาดในการวางเดิมพันไม่สามารถกดดันคู่ต่อสู้ได้) ฯลฯ
• การเล่น และ เดิมพัน ไม่มีแรงกดดันมากนัก ทำให้ขาดความตื่นเต้น

2. Pot Limit (พ็อต ลิมิต)

ลักษณะการเล่น:

• ผู้เล่นสามารถเดิมพัน (Bet) หรือ เพิ่ม(Raise) ได้สูงสุดตามจำนวนชิปที่อยู่ใน Pot (ชิปกองกลาง) ณ ขณะนั้น
• ตัวอย่าง:
  • สมมติใน Pot มีชิป 10 ชิป
  • ผู้เล่นสามารถเดิมพัน หรือ Bet ได้สูงสุดที่ 10 ชิปเท่านั้นไม่สามารถ Bet ได้มากกว่านี้ได้
  • หากผู้เล่นคนแรก Bet 10 ชิป รวมกับชิปใน Pot 10 ชิป ทำให้ขณะนี้มีชิปใน Pot เท่ากับ 20 ชิป ดังนั้น ผู้เล่นคนถัดไปสามารถ Bet ได้เท่ากับ 20 ชิป (เพราะขณะนี้ชิปใน Pot ได้เปลี่ยนไปเป็น 20 ชิป แล้ว)

ข้อดี:

• มีความยืดหยุ่นในการเดิมพันมากกว่า Fixed Limit
• ยังช่วยควบคุมไม่ให้ผู้เล่นเดิมพันจำนวนมากเกินไปในแต่ละรอบ ทำให้ลดความเสี่ยงในการเล่นลงได้

ข้อเสีย:

• มีความเสี่ยงมากขึ้นกว่า Fixed Limit เมื่อ Pot มีขนาดใหญ่ขึ้น
• ผู้เล่นที่มีทุนมากอาจได้เปรียบ

3. No Limit (โน ลิมิต)

ลักษณะการเล่น:

• ไม่มีการจำกัดจำนวนชิปในการเดิมพัน
• ผู้เล่นสามารถเดิมพันขั้นต่ำ (ขั้นต่ำมักเท่ากับ Big Blind) หรือ All-In (เดิมพันทั้งหมดที่มี) ได้ตลอดเวลา

ข้อดี:

• สร้างความตื่นเต้นและแรงกดดันสูงสุด
• เปิดโอกาสให้ใช้กลยุทธ์ เช่น การ Bluff ,การ 3-Bet ,การ Over-Bet ฯลฯ

ข้อเสีย:

• ความเสี่ยงสูงมาก โดยเฉพาะผู้เล่นที่ไม่มีการบริหารเงินที่ดี
• ผู้เล่นที่มีทุนมากอาจได้เปรียบ

สรุปเปรียบเทียบ

บทสรุป

รูปแบบในการแข่งขันโป๊กเกอร์เป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดความสำเร็จของคุณ ประกอบไปด้วยส่วนที่สำคัญคือการบริหาร ความเสี่ยง และผลตอบแทน เลือกใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้องเหมาะสมกับการแข่งขันในรูปแบบต่างๆ คุณก็จะประสบความสำเร็จในการแข่งขันได้ในที่สุด