การตัดสินใจ: Fold, Call, Raise และ Check ใช้ยังไงให้ถูกเวลา

การตัดสินใจ: Fold, Call, Raise และ Check ใช้ยังไงให้ถูกเวลา

ในทุกๆ ตาของโป๊กเกอร์ คุณจะต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจพื้นฐาน 4 อย่างนี้ การเลือกใช้แต่ละอย่างให้ถูกจังหวะและสถานการณ์คือหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะหรือการลดความสูญเสีย

  1. Fold (หมอบไพ่): การทิ้งไพ่ในมือและยอมแพ้ในรอบนั้นๆ คุณจะไม่เสียเงินเดิมพันเพิ่มอีก แต่ก็จะไม่มีสิทธิ์ใน Pot นั้นอีกต่อไป แล้วคุณควร Fold เมื่อ
    • เมื่อไพ่ในมือของคุณอ่อนมาก และไม่มีโอกาสพัฒนาเป็นไพ่ที่แข็งแกร่งได้เลย (เช่น ได้ไพ่ 2-7 offsuit preflop)
    • เมื่อคู่ต่อสู้แสดงความแข็งแกร่งอย่างชัดเจน (เช่น การ Bet หรือ Raise หนักๆ) และคุณประเมินแล้วว่าไพ่ของคุณไม่น่าจะสู้ได้
    • เมื่อ Pot Odds (ที่เราจะพูดถึงในบทต่อไป) ไม่คุ้มค่าที่จะ Call เพื่อลุ้นไพ่
    • เพื่อรักษาชิปของคุณไว้เล่นในตาถัดไปที่ดีกว่า การหมอบไม่ใช่ความพ่ายแพ้เสมอไป แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
  2. Call (ตาม/สู้): การวางเงินเดิมพันเท่ากับจำนวนที่ผู้เล่นคนก่อนหน้าได้ Bet หรือ Raise เพื่ออยู่ในเกมต่อไปและมีสิทธิ์ลุ้น Pot คุณควรจะ Call เมื่อ :
    • เมื่อคุณมีไพ่ที่ค่อนข้างดี และต้องการดูไพ่ใบต่อไป (Flop, Turn, River) โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดิมพันมากเกินไป
    • เมื่อคุณมี “Drawing Hand” (ไพ่ที่รอติดสีหรือสเตรท) และ Pot Odds คุ้มค่าที่จะลุ้น
    • เมื่อคุณต้องการ “จับบลัฟ” (Bluff Catching) คู่ต่อสู้ที่คุณสงสัยว่าไม่ได้มีไพ่ที่ดีจริง
    • เมื่อคุณอยู่ในตำแหน่ง Big Blind และมีการ Raise มาไม่มาก การ Call เพื่อดู Flop อาจเป็นทางเลือกที่ดี
  3. Raise (เก/เพิ่มเดิมพัน): การเพิ่มจำนวนเงินเดิมพันให้สูงกว่าที่ผู้เล่นคนก่อนหน้าได้ Bet หรือ Raise ไว้ เป็นการแสดงความแข็งแกร่งและกดดันคู่ต่อสู้ การ Raise เป็นการตัดสินใจที่สำคัญเพื่อสร้างความได้เปรียบในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึง:
    • Value Raise: เมื่อคุณมีไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุด (หรือคิดว่าแข็งแกร่งที่สุด) และต้องการเพิ่มขนาด Pot เพื่อทำกำไรให้มากขึ้น
    • Bluff/Semi-Bluff Raise: เมื่อคุณต้องการให้คู่ต่อสู้หมอบไพ่ที่ดีกว่า หรือมี Drawing Hand ที่ดีและต้องการเพิ่มโอกาสชนะสองทาง (คู่ต่อสู้หมอบ หรือติดไพ่ที่ต้องการ)
    • Isolation Raise: เมื่อต้องการเล่นแบบตัวต่อตัวกับผู้เล่นที่อ่อนแอกว่า หรือผู้เล่นที่ชอบ Call บ่อยๆ
    • Squeeze Play: เมื่อมีการ Bet และ Call จากผู้เล่นอื่นก่อนหน้าคุณ การ Reraise (Raise ซ้ำ) อย่างหนักอาจทำให้ทุกคนหมอบและคุณเก็บ Pot ไปได้เลย
  4. Check (ผ่าน/เคาะ): การไม่วางเดิมพันและให้สิทธิ์ผู้เล่นคนถัดไปทำการตัดสินใจ การ Check ทำได้เฉพาะเมื่อยังไม่มีใคร Bet ในรอบนั้นๆ หรือคุณเป็น Big Blind ในรอบ Preflop และไม่มีใคร Raise มาและคุณควร Check เมื่อ
    • เมื่อคุณต้องการดูไพ่ใบต่อไปฟรีๆ โดยไม่ต้องการเพิ่มเงินใน Pot (โดยเฉพาะเมื่ออยู่นอกตำแหน่ง – Out of Position)
    • เมื่อคุณมีไพ่ที่ไม่แข็งแรงนัก และไม่ต้องการสร้าง Pot ใหญ่
    • Check-Raise: เป็นกลยุทธ์ขั้นสูง โดยการ Check ในตอนแรกเพื่อหลอกให้คู่ต่อสู้ Bet แล้วคุณจึง Raise กลับ เป็นการแสดงความแข็งแกร่งแบบซ่อนเร้น
    • เมื่อคุณอยู่ในตำแหน่งที่ดี (In Position) และต้องการควบคุมขนาด Pot หรือดูท่าทีของคู่แข่งก่อน

ข้อควรจำ:

  • ตำแหน่ง (Position): ตำแหน่งของคุณมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเหล่านี้ การเล่นในตำแหน่งท้าย (Late Position) จะให้ข้อมูลคุณมากกว่าและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
  • สไตล์ผู้เล่น (Player Tendencies): การสังเกตพฤติกรรมของคู่ต่อสู้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น เช่น ผู้เล่นบางคนหมอบง่ายเมื่อเจอ Raise บางคนชอบ Call บ่อยๆ
  • ขนาด Pot (Pot Size): ขนาดของ Pot มีผลต่อการคำนวณความคุ้มค่าในการ Call หรือ Raise
  • Stack Size: จำนวนชิปของคุณและคู่ต่อสู้ก็เป็นปัจจัยสำคัญ

Share to