วิธีรับมือกับผู้เล่นประเภท Loose-Passive ที่ Limp เข้ามา

ใน Game Theory โปรแกรม Solver ไม่ได้ให้คำแนะนำที่ชัดเจนว่าควรจะรับมือกับผู้เล่นประเภทนี้อย่างไร เนื่องจากในการเล่นปกติที่ผู้เล่นทั่วไปมักจะไม่ได้มีแผนการเล่นด้วยการ Limp เข้ามาเล่นอยู่แล้ว (ยกเว้นผู้เล่นใหม่ หรือผู้เล่นประเภท Passive ใน Stake ต่ำๆ หรือผู้เล่นที่เล่นโป๊กเกอร์เพื่อความสนุกสนาน) ทำให้การศึกษาถึงแผนการเล่นในจุดนี้ จำเป็นต้องตั้งค่าเพิ่มเติมให้กับ Solver หรือปรับแผนการเล่นให้กับคู่ต่อสู้ที่เป็นผู้เล่นประเภท Loose-Passive ขึ้นมาใหม่

 

แผนผังของ Range ในผู้เล่นที่เล่นด้วยการ Limp-Calling

โดยส่วนใหญ่ Range ของผู้เล่นประเภท Limp-Calling นั้นขึ้นอยู่กับผู้เล่นนั้นๆ มันไม่มีมาตรฐานที่ตายตัว ดังนั้นการที่คุณมีข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามที่เลือกเข้ามาเล่นด้วยการ Limp-Calling จะทำให้คุณสามารถคาดเดาไพ่ โดยส่วนใหญ่ใน Range ของเขาได้ เราแบ่งประเภทผู้เล่นในประเภทนี้ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

 

ผู้เล่นประเภท Loose-Passive อย่างมาก (เล่นทุกไพ่ไม่สนอะไรทั้งนั้น)

ผู้เล่นเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นที่เล่นเพื่อความบันเทิง พวกเขาไม่มีกลยุทธ์ หรือการคิดคำนวณถึง Equity, Range, SPR, ฯลฯ พวกเขาแค่ Call เพราะคิดว่าไพ่ที่เขาถือ จะติดอะไรดีๆ ที่ Flop ดังนั้น เขาจึงสามารถมีได้ทุกไพ่ แม้แต่ไพ่ที่คุณคาดไม่ถึง ดังนั้นคุณควร Bet หรือ Raise อย่างดุดัน (Aggressive) สร้างโอกาสชนะให้ได้ชิปให้มากที่สุดได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะหมอบไปเสียก่อน

 

ผู้เล่นประเภททั่วไป

ผู้เล่นประเภทนี้เป็นผู้เล่น Passive ที่พบได้ทั่วไปที่เห็นได้ชัดเจนคือเขาเหล่านั้นมักจะ Raise เมื่อไพ่ของตัวเองมีความแข็งแกร่ง หรือไพ่ที่มีศักยภาพพอที่จะแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นในการเล่นรอบต่อไป ดังนั้นเมื่อเขา Raise โดยส่วนใหญ่นั้นหมายถึงไพ่คู่ใหญ่ๆ หรือไพ่ประเภท Broadway และเมื่อเขา Check ไพ่โดยส่วนใหญ่ของเขาก็มักจะเป็นพวกไพ่คู่ต่ำๆ หรือ Suite Connector กลางๆ คุณจึงสามารถ Raise ใส่ผู้เล่นประเภท Limper เหล่านี้ได้อย่างดุดัน (Aggressive) เนื่องจากพวกเขาไม่ค่อยมีไพ่ที่แข็งแกร่งนักในรอบ Pre-Flop แต่หลังจาก Flop คุณต้องเล่นด้วยความระมัดระวังหากไพ่บนบอร์ดมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไพ่ของเขาให้แข็งแกร่งขึ้น

 

ผู้เล่นประเภท Nits อย่างมาก (ไม่เสี่ยงอะไรเลย และเล่นเฉพาะไพ่ที่ดีที่สุดเท่านั้น)

Nits นั้นจัดเป็นผู้เล่นประเภท Tight ที่ Passive มากกว่า จะเป็น Loose-Passive (แล้วนำมาศึกษาทำไม?)  เนื่องจากผู้เล่นประเภทนี้ไม่ชอบเสี่ยงอย่างยิ่ง พวกเขาอาจจะเล่นโดยการ Limp-Callด้วยไพ่ AKo ซึ่งในทางทฤษฎีเกมเราเรียกไพ่ประเภทนี้ว่า  “Drawing Hand” หรือ Limp-Call ไพ่ KK หรือ QQ เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีไพ่ A เปิดขึ้นมา บนบอร์ด ก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ การเล่นกับผู้เล่นประเภทนี้ด้วยความดุดันจึงเป็นการเล่นที่ไม่ควรทำ

 

เมื่อเราสรุปประเภทของผู้เล่นครบถ้วนแล้วเราจึงมาทำการกำหนดขอบเขตของ Range ที่ผู้เล่นต่างๆเหล่านี้นำมาใช้ ดังภาพด้านล่าง

 

 

เราจะ Raise หรือ ไม่ Raise เข้าไปเล่นดี ?

เมื่อมีผู้เล่นที่เล่นด้วยการ Limp ก่อนหน้าคุณ 1 คนหรือมากกว่าแผนการเล่นที่แนะนำก็คือ Raise หรือ Fold (ยกเว้นว่าคุณจะอยู่ที่ตำแหน่ง Button หรือ ฺBlind) คุณควรเอาชนะในรอบ Pre-Flop นี้เลยด้วยไพ่ที่คุณคิดว่าแข็งแกร่งพอ (Deny Equity คือการที่คุณปิดโอกาสชนะของคู่ต่อสู้ของคุณที่ยังเหลืออยู่โดยการ Bet ให้เขาหมอบ) การที่คุณ Call นั้นเปิดโอกาสให้ผู้เล่นหลังจากคุณ Squeeze ทำให้คุณไม่อาจ Call ไปเล่นต่อได้

 

ไม่ Raise เลือกที่จะ Call
เมื่อตำแหน่งในการเล่นของคุณได้เปรียบ ยกตัวอย่างเช่นที่ตำแหน่ง  BTN การ Limp เข้าไปอีกคนก็คุ้มค่าพอที่จะพิจารณา (มีตำแหน่ง) คุณมีความเสี่ยงที่ต้องกังวลเหลือเพียงผู้เล่นที่ตำแหน่ง Blind เท่านั้น การที่คุณได้เปรียบตำแหน่งในการเล่นทำให้ การประมาณส่วนแบ่งของ Pot หรือ Equity ที่มีระหว่างผู้เล่นทุกคน ทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการตัดสินใจเล่นเป็นคนสุดท้ายของการเล่นในทุกรอบ

ไพ่ที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ ไพ่ที่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะ Raise แต่สามารถเข้าไปสร้างกำไรจากการติดอะไรแล้วได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการเล่นแบบผู้เล่นหลายคน (Multiway Pot) ซึ่งได้แก่ไพ่ Pocket pair ต่ำๆ , Suite Connect ต่ำๆ แม้กระทั่งไพ่ Suite ที่ไม่ Connect กัน ยกตัวอย่างเช่น Q6s , 98oยิ่งฝ่ายตรงข้ามเล่นด้วยความอ่อนแอมากเท่าใด (ส่วนใหญ่บนโต๊ะมีแต่ Passive) คุณก็ยิ่งสามารถนำไพ่เข้าไปเล่นได้ในราคาถูก โดยไม่ถูกกดดันได้ง่ายๆ

 

ต้อง Raise
เราไม่จำเป็นต้องพิจารณาถึง Limper ในสถานการณ์นี้เนื่องจาก หากเราใช้แผนการเล่น Raise หรือ Fold เราได้เสนอแผนผังของ Range ที่แนะนำให้นำไป Raise ดังภาพด้านล่าง และสามารถเพิ่มเติมได้อีกเล็กน้อยในกรณีที่คุณอยู่ที่ตำแหน่ง BTN เช่น  T8, 87 และ 55

 

 

Range ดังภาพด้านบนได้รับการออกแบบมาให้เล่นได้ดีกับ SPR ที่ต่ำๆ เพื่อให้ Equity ที่ดีในการเล่นกับคู่ต่อสู้ประเภทLimp-call ที่นำไพ่มาเล่นกว้างกว่าปกติ และจุดประสงค์หลักเพื่อให้ไพ่โดยส่วนใหญ่ของเขาเป็นไพ่ที่ถูกคุณ Dominate ยกตัวอย่างเช่น Ax นอกจากนั้นตำแหน่งในการเล่นที่ได้เปรียบยังส่งผลให้คุณ สามารถ Bluff, Squeeze, Pot Control หรือแม้แต่หมอบ หากสถานการณ์ที่คุณเล่นนั้นเป็นสถานการณ์ที่คุณไม่อาจชนะได้

 

การเล่นด้วยความ Aggressive นั้นโจมตีจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ประเภท loose-passive ในสองประการคือ

  1. การนำไพ่ที่อ่อนแอมาเล่นอย่างดุดันนั้นเป็นการเล่นแย่ (เช่นการ Open Raise ด้วยไพ่ 65o) ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกที่ Limp แต่คุณเป็นฝ่าย ที่ทำให้เขาต้องลงทุนเพิ่มกับไพ่ที่แย่ๆเหล่านั้น นั่นหมายความว่าคุณได้เพิ่มมูลค่า ให้กับไพ่ที่คุณมีให้สูงขึ้น (ให้เขาลงทุนเพิ่มกับไพ่แย่ๆของเขา)
  2. การเล่นด้วยความดุดันเป็นการโจมตีไปที่จุดอ่อนของผู้เล่นที่เป็น Passive โดยไม่ต้องกังวลว่าเขาจะ 3-Bet Bluff หรือ Value กลับมา และหากเขามีไพ่ที่แข็งแกร่ง คุณก็สามารถเข้าไปเล่นที่ Flop แล้วสามารถ Realize Equity ว่าสามารถเอาชนะ หรือหมอบ ในรอบต่อไปได้

 

เราได้เน้นย้ำอยู่เสมอในเรื่องตำแหน่งในการเล่น เพราะคุณจะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากแผนการเล่นที่ Loose-Passiveของคู่ต่อสู้ และ หากคู่ต่อสู้มีตำแหน่งในการเล่นที่ได้เปรียบ (ได้ตัดสินใจทีหลัง) เขาก็สามารถลดความสูญเสียลงได้เช่นเดียวกัน

 

“เรามาทำความเข้าใจจากการเล่นที่ Flopตัวอย่างอีกสักเล็กน้อย”

 

คัดเลือก Flop ที่แย่ที่สุดมาทำความเข้าใจ

โดยส่วนใหญ่จะเป็นบอร์ดที่เปิดไพ่ต่ำ-กลาง และ Connect กัน ซึ่งเข้าทางไพ่ผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Caller มากกว่าโดยเฉพาะ ผู้เล่นประเภท Loose-Passive ยกตัวอย่างเช่น 764, 874 อาจมีสองสี ซึ่งทำให้สามารถมี Flush Draw ได้อีกด้วย

 

 

ภาพด้านบนเปรียบเทียบ ระหว่างผู้เล่น Limp-call ที่อยู่ที่ตำแหน่ง LJ กับ คุณที่อยู่ที่ตำแหน่ง BTN

 

แม้จะเป็น Flop ไม่ได้ทำให้คุณได้เปรียบ แต่ก็ไม่ได้แย่ที่สุดเสียทีเดียวต้องไม่ลืมว่าผู้เล่น Loose-Passive นั้นนำไพ่มาเล่นมากกว่าปกติ ดังนั้นไพ่ใน Range ของเขาก็ยังประกอบไปด้วยไพ่ที่อ่อนแออยู่มากด้วยเช่นเดียวกัน แผนการเล่นโดยส่วนใหญ่จึงมุ่งไปที่การ Check แม้ว่าเรายังจะต้องการเพิ่มการวางเดิมพันจากไพ่ที่ Draw ต่างๆ  จากภาพด้านล่างแสดงให้เห็นแนวทางการเล่นของไพ่ใน Range ส่วนใหญ่บนบอร์ดนี้จะเห็นได้ว่าโดยส่วนใหญ่เลือก Check โดยเฉพาะไพ่ Over Card ต่างๆที่ต้องการให้ Pot ไม่ใหญ่จากการที่ ไพ่ของเรายังไม่ติดอะไร และ การ Check ยังป้องกันไม่ให้โดน Check-Raise กลับมาอีกด้วย

 

 

จะเห็นได้ว่าจากตัวอย่างแม้จะเป็น Flopที่แย่ที่สุดแล้ว ก็ยังไม่ได้สร้างความได้เปรียบให้กับผู้เล่น Loose-Passive อย่างชัดเจน

Flop ส่วนใหญ่นั้นเอื้อให้กับผู้เล่นที่เป็น Aggressor สามารถ ฺRange Bet และสามารถใช้การ Check ในกรณีที่ Flop มีทิศทางที่เอื้อให้กับไพ่ของคู่ต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นได้

 

เมื่อคุณอ่านถึงตรงนี้คุณได้เห็นแล้วว่าการเล่นกับผู้เล่น Loose-Passive ที่มักจะ Limp เข้ามาเล่นนั้นจะมีวิธีรับมือ และทำกำไรจากเขาอย่างไร พยายามเล่นจากตำแหน่งที่ได้เปรียบ ทำกำไรจากไพ่ที่เป็น Value Hand และกดดันเขาด้วย Bluff เนื่องจากไพ่ที่เขานำมาเล่นนั้นกว้างมากเสียจนพัฒนาเป็นไพ่ที่แข็งแกร่งได้ยาก แต่อย่าลืมว่าหากผู้เล่น Passive เหล่านั้น ตอบโต้กลับมา นั่นหมายความว่าเขาต้องมีอะไรบางอย่าง ขอให้พิจารณาสถานการณ์อย่างรอบคอบและ ตอบโต้ไปให้เหมาะสม

Share to