Leverage ในโป๊กเกอร์หมายถึงความเสี่ยงของการวางเดิมพันในอนาคต ซึ่งในที่นี้ (การแข่งขัน โป๊กเกอร์) นั้นก็คือ การวางเดิมพันในรอบ
Flop, Turn และ River ซึ่งไม่ได้รับรองว่าการเสี่ยงวางเดิมพันนั้นจะสามารถช่วยให้การเล่นนั้นถึงสิ้นสุดที่ Showdown หรือไม่ และถึงแม้ว่าผลตอบแทนในการตัดสินใจ Call นั้นจะคุ้มค่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะมีความคุ้มค่าเมื่อต้องตัดสินใจใน Street ต่อไป
อ่านแล้วอาจจะยังไม่เข้าใจเรามาทำความเข้าใจง่ายๆว่า Leverage ก็คือความเสี่ยงของผู้เล่นที่เลือก Call ไม่ว่าที่ Flop หรือ Turn นั่นเป็นความเสี่ยงที่จะสูญเสียชิปอย่างไร้ประโยชน์ เนื่องจากไพ่ที่ถือไม่ได้แข็งแกร่ง พอที่จะสูญเสียชิปจนหมดทั้งหน้าตัก หากต้องเล่นในรอบต่อไป แล้วถูกกดดันต่อเนื่อง ดังนั้น ด้วย Leverage จึงจะมีประโยชน์สูงสุดกับผู้เล่นที่ Bet ด้วย Polarize Range เนื่องจากไม่ว่าจะด้วย Value หรือ Bluff Hand ที่นำมาใช้ในการ Leverage นั้น ได้รับประโยชน์จากเทคนิคนี้
Equity Realization และ Indifference
Leverage มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับแนวคิดในเรื่อง Equity realization ที่นำความได้เปรียบจากแผนการเล่นในรอบต่อไปที่ยังมาไม่ถึงเพื่อประโยชน์ที่สูงที่สุดของไพ่ ไม่ว่าจะเป็น Value หรือ Bluffที่เกิดขึ้นในอนาคตหรือในรอบต่อไป เป็นแนวคิดง่ายๆ คือหากไพ่ที่คุณถืออยู่ต้องการผลตอบแทนที่สูงที่สุด ในการเล่นที่ Turn ย่อมต้องการ Bet เพื่อให้ในการเล่นที่ River นั้นสามารถ Bet ต่อไปได้เพิ่มเติม เช่นเดียวกับการ Bluff ที่จะมีลักษณะของแผนการเล่นแบบเดียวกัน
เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เราขอให้คุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด ของ Indifference (การเล่นที่ไม่มีความแตกต่าง) ซึ่งเกิดจากการที่ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะตัดสินใจอย่างไร (ไม่ว่า Call หรือ Fold) ผลตอบแทนที่ได้รับ หรือ EV นั้นจะให้ผลเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น คุณเลือกขนาด Pot size ในการ Bet ของคุณ ซึ่งในทุกๆครั้ง ที่คุณเล่นจะประกอบด้วยไพ่ที่นำมา Bluff 1 ครั้ง และ เป็น Value 2 ครั้ง ดังนั้น ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะตัดสินใจอย่างไร ผลตอบแทนในการเล่นของเขาจึง Indifference หรือ ไม่มีความแตกต่าง ซึ่งจะทำให้เขามีแนวโน้มที่จะเลือกที่จะหมอบ หรือ Fold ไปเสียดีกว่า
เช่นเดียวกันการเลือกตัดสินใจ Call ของคู่ต่อสู้ด้วยการกำหนดความถี่ใดความถี่หนึ่งจะส่งผลให้การ Bluff ของคุณไม่มีความแตกต่างด้วยเช่นเดียวกัน
ความน่าสนใจของ Leverage ก็คือสถานการณ์การเล่นโดยเฉพาะที่ Turn เมื่อไพ่ยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้จาก ไพ่ River การที่คุณนำ Leverage มาใช้ในกลยุทธ์ คือการนำความยุ่งยากในการตัดสินใจมาทำให้คู่ต่อสู้ เนื่องจากหากตัดสินใจใดๆ ที่ Turn ด้วยไพ่ที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากเพียงพอ ที่สามารถชนะได้กับไพ่ในกลุ่มที่เป็น Bluff เท่านั้น ไม่มีอะไรรับรองว่าคุณจะหยุด Bet ที่ River
ดังนั้น Equilibrium หรือแผนการเล่นที่ Turn ก็เพื่อการทำให้คู่ต่อสู้เกิดความยากลำบากในการตัดสินใจในตัวเลือกเหล่านี้
- หมอบทิ้งไป
- Call ที่ Turn และเตรียมหมอบที่ River
- Call ที่ Turn และ River
และเช่นเดียวกัน Equilibrium หรือ แผนการเล่นสำหรับการ Call ที่ใช้ในการกดดันฝ่าย Bet ในตัวเลือกเหล่านี้
- Check ที่ Turn
- เลือกที่จะBluff ที่ Turn และ Check ยอมแพ้ ที่
- เลือกที่จะ Bluff ที่ Turn และ River
ตัวอย่างในการทำความเข้าใจ
ตัวอย่างในการแข่งขันโป๊กเกอร์ ในรูปแบบทัวร์นาเมนต์ที่มีขนาดของชิปหน้าตักที่ 50bb เหลือผู้เล่นที่ตำแหน่ง UTG กับผู้เล่นที่ตำแหน่ง BB ในการเล่นแบบ Single Raised Pot หลังจากที่ผู้เล่นทำการ C-Bet ที่ 33% ของ Pot และคู่ต่อสู้ Callบน Flop A♠ K♥ 6♦ และเมื่อไพ่ที่ Turn ตก 2♣ ผู้เล่นที่ตำแหน่ง UTG เลือกที่จะ Over-Bet ด้วยขนาด125% ของ Pot bet เพื่อที่จะกำหนดว่า ให้ชิปบนหน้าตักเหลือเล่นอีกประมาณ 94% ของ Pot ที่ River
ตารางด้านล่างนี้แสดงให้เห็น Value Range ของผู้เล่นที่ตำแหน่ง UTG ที่นำมาคำนวณจากคาดเดาว่าไพ่ที่ผู้เล่นนี้จะประกอบไปด้วยไพ่ที่เป็น Top Pair ขึ้นไป (จากการเล่นที่ Flop) รวมประมาณ 14% ไพ่กลางๆ ประมาณ 2% และยังไม่ติดอะไร เลยอีกกว่า 30%
อย่างไรก็ดีด้วยแผนการเล่นด้วยการ Leverage Bet ทำให้ผู้เล่นที่ตำแหน่ง BB อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากจากภาพด้านล่างแสดงให้เห็นถึงคำแนะนำในการเล่นของ Range ที่ BB ที่ส่วนใหญ่ Indifference ระหว่างการ Call หรือ Fold โดยไพ่ในRange ส่วนใหญ่ที่มี Equityราวๆ 50% นั้นยังต้องอาศัยไพ่ที่ River
การเล่นที่ River เราสามารถแบ่งการเล่นออกเป็น 2 ประเภท คือ Value หรือ Bluff แต่การเล่นที่ Turn นั้นเราแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
- Value ที่จะ Bet อีกครั้ง ในโอกาสที่เป็นไปได้หลายๆใบ
- Bluff ที่เลือกที่จะหยุด แล้ว Check
- Bluff โดยเลือกที่จะ Bet ออกมาอีก
แผนการเล่นนี้จะชัดเจนขึ้นเมื่อลองมองย้อนแผนการเล่นกลับไปยังการเล่นที่ Flop การเลือกใช้ Value-Bet, การเลือก Bluff ทั้ง 3 Street หรือ การ Bluff ที่ Flop และ Turn นั้นมีลักษณะเดียวกันกับแผนการเล่น ที่เป็น Value ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำถามที่ว่าทำไมผู้เล่นที่เป็น Pre-Flop Raise ถึงใช้ การ Bet ทั้งหมดของ Range ที่ทำให้ผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Caller มีความยากลำบากในการตัดสินใจ ถึงแม้ Equity ที่ยังเหลืออยู่มากก็ตาม
เมื่อคุณอ่านถึงตรงนี้เมื่อใดก็ตามที่คุณไม่อาจตัดสินใจว่าคุณควรเลือกที่จะ Bluff หรือ Value ในกลยุทธ์ของคุณ คุณควรลองนำกลยุทธ์ในการ Leverage ไปใช้แผนการเล่นของคุณเพื่อให้ไม่ว่า ไพ่ที่คุณนำมาใช้ Bet เพื่อ Value หรือ Bet เพื่อ Bluff นั้นจะสามารถทำกำไรกับคุณสูงที่สุด