ทำกำไรจากคู่ต่อสู้ที่พยายามเล่นเพื่อ Showdown

การพิจารณาว่าไพ่ของคุณแข็งแกร่งพอที่ Value Bet เพื่อทำกำไรเพิ่มเติม หรืออ่อนแอกว่าคู่ต่อสู้ และควรพิจารณานำ Bluff มาใช้หรือไม่?คุณไม่สามารถพิจารณาเพียงไพ่ในมือของคุณเท่านั้น แต่ต้องอาศัย ข้อมูลที่สำคัญจากสองส่วนประกอบกัน นั่นคือ

  • ไพ่ที่เปิดขึ้นมาบนบอร์ดในขณะนั้น
  • แผนการเล่น และ Action ในขณะนั้นของคู่ต่อสู้

เมื่อนำทั้งสองส่วนมาประกอบกันจะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของไพ่ในมือของคู่ต่อสู้ได้ ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะคุ้นเคยที่จะพิจารณาในส่วนประกอบแรก (ไพ่ที่เปิดขึ้นมาบนบอร์ด) มากกว่า และเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ เนื่องจาก ในบางครั้ง คู่ต่อสู้มักจะไม่มี Action ใดๆในการเล่นที่ Flop และ Turn ซึ่งในสถานการณ์นี้ ผู้เล่นโดยส่วนใหญ่จะคาดเดาว่า คู่ต่อสู้มักจะมี Range ที่อ่อนแอ บนบอร์ดนั้น ทำให้ตัดสินใจเลือกที่จะ Bet เพื่อทำกำไรเล็กๆ (Thin Value Bet) ที่ River

การตัดสินใจเลือกกลยุทธ์ที่ถูกต้องในการเล่นที่ River ที่มีการเล่นด้วยการ Check นั้นต้องพิจารณาปัจจัยสามประการ

  1. การกระจายตัวของ Equity distribution ในการเล่นที่ Flop เป็นอย่างไร ? ใครมี Range ที่แข็งแกร่งกว่า? และแข็งแกร่งกว่ามากน้อยเพียงใด? ผู้เล่นใดมีแนวโน้มที่จะมีไพ่ที่แย่กว่า?
  2. การ Check ที่ Flop และTurn ส่งผลต่อการกระจายตัวอย่างไร?
  3. ไพ่ที่ Turn และRiver ส่งผลต่อการกระจายตัวนี้อย่างไร?

 

ก่อนอื่นมาดูปัจจัยที่กล่าวถึงข้างต้นอย่างละเอียดกันก่อน

 

การกระจายตัวของ Equity Distribution ในการเล่นที่ Flop

พื้นฐานการกระจายตัวของ Equity Distribution ในการเล่นที่ Flop นั้นเกิดขึ้นจากการเล่นก่อนหน้านั้น นั่นก็คือการเล่นในรอบ Pre-Flop นั้นเอง ..ผู้เล่นที่มี Range ที่แข็งแกร่งในรอบ Pre-Flop โดยปกติก็จะมี Range ที่แข็งแกร่งในการเล่นที่ Flop เช่นเดียวกัน แต่ความแข็งแกร่งจะเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลง ก็ขึ้่นอยู่กับไพ่ที่เปิดขึ้นที่ Flop

 

แน่นอนว่าผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Open-Raise Preflop จะมี Range ที่แข็งแกร่งกว่า ฝ่ายที่ Call เข้ามาเล่น นั่นทำให้แม้ว่า Flop ที่เปิดขึ้นมาจะทำให้ฝ่าย Call แข็งแกร่งขึ้นก็ไม่สามารถทำให้ความได้เปรียบในแง่นี้ลดลง แม้ว่าเขาจะเลือก เล่นด้วยการ Check ที่ Flop  นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เขาจึงสามารถใช้แผนการเล่นได้หลากหลายในการเล่นที่ River ต่างจากฝ่าย Call ที่ต้องเลือกไพ่ที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นเพื่อทำกำไร หรือ Bluff

 

การ Check ที่ Flop และ Turn ส่งผลต่อการกระจายตัวอย่างไร?

ตรงกันข้าม ..การเลือก Check ไม่ได้หมายถึงความ “อ่อนแอ” โดยส่วนใหญ่ การ Check หมายถึงไพ่ที่มีความแข็งแกร่ง “ปานกลาง” ที่มีค่ามากพอที่จะเล่นจนถึง Showdown แต่ไม่มากพอที่จะเล่นด้วยการทำให้ Pot มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยการ Bet และเป็นแผนการเล่นที่สำคัญสำหรับ ผู้เล่นที่มีตำแหน่งที่เสียเปรียบต้องเล่นก่อน เนื่องจากการ Check ของพวกเขาไม่ได้เป็นการ ปิดการเล่น หรือ Action ปัจจุบัน ดังนั้น การ Check จากตำแหน่ง OOP ในสตรีทก่อนหน้าจึงมีแนวโน้มที่จะแสดงถึงโอกาสในการ Check-raise  ที่พลาดไปได้ ในขณะที่การเช็คจากตำแหน่ง IP มีแนวโน้มที่จะแสดงถึงมือที่มีความแข็งแกร่งปานกลาง

 

กล่าวคือ เว้นแต่ไพ่ที่เปิดขึ้นที่ River จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างมาก ไพ่ของผู้เล่นทั้งสองฝ่ายหลังจาก Check Flop และ Turn ไม่มีมือที่แข็งแกร่งพอที่จะเดิมพันเพื่อมูลค่าในการเล่นก่อนหน้านี้ จะกลับมาแข็งแกร่งและพยายาม Bet เพื่อทำกำไรในการเล่นที่ริเวอร์

 

 

ไพ่ที่ Turn และ River ส่งผลต่อการกระจายตัวนี้อย่างไร?

เมื่อการเล่นมาถึงการเล่นที่ River ที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายพยายามที่จะทำกำไรจากไพ่ที่มีความแข็งแกร่งปานกลาง ดังนั้นคำถามก็คือ ไพ่ที่เปิดขึ้นที่ River ส่งผลให้ที่ผู้เล่นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ เช่น ไพ่ Overcards , ไพ่ที่ Complete Straight หรือ Flush ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้คือ ทฤษฎีพื้นฐานที่ควรทราบก่อนที่เราจะเรียนรู้การทำกำไรจากคู่ต่อสู้ที่พยายามจะเล่นเพื่อ Showdown

 

หลังจากเราได้เรียนรู้ทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจทั้งหมดเรามาทำความเข้าใจจากตัวอย่างดังต่อไปนี้

ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ทุกคนหมอบหมดจนมาถึงคุณที่อยู่ในตำแหน่ง Button ได้รับแจกไพ่ Q♥ T♥ คุณเลือกที่จะ Raise และ คู่ต่อสู้ในตำแหน่ง BB Call

ไพ่ที่ Flop เปิดออกมาเป็น : T♣ 8♥ 7♠

BB check คุณเลือกที่จะ C-Bet และ BB call

ไพ่ที่ Turn เปิดออกมาเป็น 4♠

BB check คุณเลือกที่จะ C-Bet อีกครั้ง และ BB call

ไพ่ที่ River เปิดออกมาเป็น 3♥

BB check คุณจะมีแผนการเล่นอย่างไร…?

 

ในสถานการณ์นี้ คุณควร ทำกำไรจากคู่ต่อสู้ที่พยายามเล่นเพื่อ Showdown  ด้วยการ Bet ขนาดเล็กๆ (Thin Value) ด้วยขนาดที่แนะนำคือประมาณ 2/3 ของ Pot เรามาดูเหตุผลไปพร้อมๆกันว่าทำไม ?

 

ในการเล่นที่ River นี้ ผู้เล่นที่ตำแหน่ง BB ควรที่จะต้อง Call อย่างน้อย 57% ของ Range ของเขาเพื่อไม่ให้ถูกโจมตี หรือ Exploit ได้ (ตัวเลขดังกล่าวคือตัวเลข Minimum Defense Frequency ที่ BB ควรนำมาใช้)

 

ซึ่งมันประกอบไปด้วยมืออะไรบ้าง ใน 57% นั้น

  1. 2-Pair หรือดีกว่านั้น ที่ไม่ได้ Check/Raise ในการเล่นก่อนหน้านั้น เช่น T7s, 87s, 65s
  2. Top-Pair เช่น ATo, KTo, QTo, JTo, T9o, KTs, QTs, T9s, T6s
  3. Bluff-Catcher ที่มี Blocker มา Block Straights และไม่ได้ Block ไพ่ที่จะนำมา Bluff เช่น 86s, 76s, 66

 

จากไพ่ทั้งหมดที่กล่าวมาก ทำให้ Q♥ T♥ ของคุณมีโอกาสชนะ อยู่ที่ประมาณ  ~56% จึงกล่าวได้ว่าแผนการเล่นนี้สามารถเป็น Thin Value Bet ได้

 

แต่จะเป็นอย่างไรหากคู่ต่อสู้ไม่ได้ Balance ในการเล่นมากพอ คือไม่ได้ Call ด้วยไพ่ 57% ของ Range ตามตัวอย่างที่กล่าวมา นั่นขึ้นอยู่กับ

  • ถ้าคู่ต่อสู้ Call น้อยกว่าที่ควรจะเป็น นั่นทำให้ คุณลดกำไรในการ Value Bet ของคุณลงแต่จะเพิ่มกำไรขึ้นหากคุณ Bluff
  • ถ้าคู่ต่อสู้ Call มากกว่าที่ควรจะเป็น นั่นทำให้ คุณเพิ่มกำไรได้มากขึ้นจาก Value Bet แต่จะลดลงหากคุณ Bluff

ซึ่งหากคุณสามารถเรียนรู้แผนการเล่นของคู่ต่อสู้ว่าจะการเล่นในแนวทางใด คุณก็สามารถปรับแผนการเล่นของคุณให้เหมาะสมเพื่อทำกำไรสูงสุดได้ เช่น “Bluff มากขึ้น เมื่อเขามักจะหมอบ”

 

บทสรุป

ความแข็งแกร่งไพ่ในมือของผู้เล่นไม่ได้ถูกกำหนดจากไพ่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ดเพียงเท่านั้น แต่ยัง สามารถบ่งบอกได้จากแผนการเล่นหรือ Action ของผู้เล่นนั้นๆด้วย และ เมื่อไม่มีใครเดิมพันในการเล่นที่ Flop หรือ Turn ทำให้การเดิมพันที่ River เพื่อทำกำไรต้องลดขนาดลงอย่างมาก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในกรณีที่ไพ่ที่ River ไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆให้กับบอร์ดนั้นๆ นั้นทำให้คุณสามารถเดิมพันเพื่อ Value ในขนาดเล็กๆ ได้ หรือ ในกรณีที่คุณต้องการ Bluff คุณต้องแยกแยะให้ได้ว่ามือใดที่อ่อนแอที่สุดของคุณ เมื่อไม่มีผู้เล่นแสดงความแข็งแกร่งโดยการพยายามที่จะเอาชนะในการเล่นมากนัก ไพ่ที่แข็งแกร่งอย่างเช่น High Card พอมี Value ที่จะ Show-down ได้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ไพ่ที่จะสามารถนำมา Bluff ได้ดี คุณจึงควรนำไพ่ที่ไม่มี Show-down มาใช้ในการ Bluff

Share to