หากคุณต้องการเป็นผู้ชนะในการแข่งขันโป๊กเกอร์ คุณต้องเล่นด้วยความดุดันเท่านั้น! การเล่นด้วยความดุดันจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมขนาดของชิปกองกลาง (Pot) และสร้างโอกาสในการชนะที่สูงขึ้น คุณไม่ควรกลัวที่จะเล่นใน Pot ที่ใหญ่ หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในฐานะนักโป๊กเกอร์
3 Bet คืออะไร?
3 Bet คือการ Re-Raise ครั้งแรกในการเล่นรอบ Pre-Flop หรือ Flop ซึ่งหมายถึงการที่ผู้เล่นหนึ่งคน Raise และมีผู้เล่นอีกคน Re-Raise โดยทั่วไปใน Pre-Flop ผู้เล่นที่ 1 Raise 2BB และผู้เล่นที่ 2 Re-Raise 4.5BB ซึ่งเป็นการกระทำที่เรียกว่า 3-Bet หากมีผู้เล่นคนที่ 3 Re-Raise 12BB การกระทำนี้จะเรียกว่า 4-Bet หรือ Cold 4-Bet สำหรับการ Re-Raise ที่ตามมา เช่น 5-Bet จะเรียงลำดับกันไปตามนั้น แต่หากผู้เล่นหมอบหมดและผู้เล่นที่ 1 ตัดสินใจ Re-Raise จะเรียกว่า 4-Bet แบบปกติ ไม่ใช่ Cold 4-Bet
แผนการเล่นด้วยการ 3-Bet นั้น นอกจากจะแสดงออกถึงความดุดันแล้ว ยังเป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของไพ่ที่คุณถืออยู่ ซึ่งความสำเร็จจากการใช้กลยุทธ์นี้ต้องมาจากการวางแผนการเล่นอย่างดี บทความนี้จะอธิบายวิธีการและกลยุทธ์ในการใช้ 3-Bet พร้อมกับแนะนำ Range ของไพ่ที่คุณสามารถนำไปใช้ในการแข่งขันได้
ทำไมคุณควร 3-Bet ให้มากขึ้นในการเล่นของคุณ?
- 3-Bet สร้างความยากลำบากในการตัดสินใจให้กับคู่ต่อสู้
ผู้เล่นส่วนใหญ่จะเลือก 3-Bet เฉพาะไพ่ Premium เช่น QQ+ หรือ AK แต่การ 3-Bet ด้วยไพ่ที่หลากหลายจะทำให้การเล่นของคุณไม่สามารถคาดเดาได้และยากต่อการรับมือ - คุณสามารถกำจัดผู้เล่นที่อ่อนแอออกจากการแข่งขันได้
เมื่อคุณ 3-Bet หลังจากที่ผู้เล่นที่อ่อนแอได้ทำการ Open-Raise ในรอบ Pre-Flop คุณจะกดดันให้ผู้เล่นเหล่านั้นหมอบไพ่ที่ไม่แข็งแกร่งพอ - 3-Bet ลดจำนวนผู้เล่นใน Pot
ยิ่งมีผู้เล่นใน Pot มากเท่าไหร่ โอกาสชนะของคุณก็จะยิ่งลดลง การ 3-Bet ช่วยลดจำนวนผู้เล่นใน Pot และเพิ่มโอกาสชนะของคุณ - 3-Bet สร้างโอกาสชนะในรอบ Pre-Flop
การ Call ผู้เล่นที่ Open-Raise จะไม่ทำให้คุณได้รับชัยชนะในรอบ Pre-Flop แต่การ 3-Bet สามารถกดดันคู่ต่อสู้ให้หมอบและชนะได้ทันที
ประเภทของ Range ที่สามารถใช้ในการ 3-Bet
Range ที่ใช้ในการ 3-Bet สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:
- Merged Ranges: ประกอบด้วยไพ่ที่มีความแข็งแกร่งระดับ Premium และไพ่ที่แข็งแกร่งปานกลางที่สามารถเล่นต่อได้ดี โดยไม่มีไพ่ในกลุ่ม Bluff
- Polarized Ranges: ประกอบด้วยไพ่ที่มีความแข็งแกร่งระดับ Premium และไพ่ Bluff รวมอยู่ด้วย
สถานการณ์ที่ควรใช้ Merged Ranges ในการ 3-Bet
คุณควรใช้ Merged Ranges ในการ 3-Bet ในสถานการณ์ต่อไปนี้:
- เมื่อผู้เล่นที่ Open-Raise มีแนวโน้มที่จะเล่นด้วยไพ่ที่ไม่แข็งแกร่ง
- เมื่อคุณมีตำแหน่งที่เสียเปรียบและการ Call อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง
- เมื่อมีผู้เล่นที่สามารถเล่นต่อจากคุณและมีแนวโน้มที่จะ Call เป็นประจำ
เราลองนำแผนการเล่นที่แนะนำข้างต้นมาปรับใช้ในการแข่งขันจริง …เมื่อผู้เล่นที่ตำแหน่ง MP open-raise ที่ 2.5BB จนมาถึงการตัดสินใจเล่นของคุณที่ตำแหน่ง CO เมื่อลองนำคำแนะนำมาปรับใช้จึงพบว่าผู้เล่นที่ตำแหน่ง MP เป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์ คุณจึงเลือกที่จะ 3-Bet ด้วย Merged Range เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกดดันจากเขา ด้วย Range ดังภาพด้านล่าง
ด้วย Range ที่คุณนำไปใช้ในการ 3-Bet ดังภาพ เป็น Range ที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถเล่นต่อที่ Flop ได้เป็นอย่างดี จากไพ่ที่เปิดออกมามีโอกาสสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นให้กับคุณได้ไม่ยาก ดังนั้น คู่ต่อสู้ที่ตำแหน่ง MP แม้จะเป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์ ก็ไม่สามารถสร้างความกดดันให้กับคุณได้ง่ายๆ ด้วยขนาด 3-Bet ที่แนะนำโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 3 เท่าของขนาดที่คู่ต่อสู้ Open-Raise มา (เมื่อคุณได้เปรียบตำแหน่งในการเล่นในรอบต่อไป) แต่หากคุณเสียเปรียบตำแหน่งในการเล่นในรอบต่อไป ก็สามารถเพิ่มขนาดขึ้นเป็น 3.5-4 เท่าได้ (เป็นคำแนะนำสำหรับการเล่นมาตรฐานที่มี Stack size อยู่ที่ 100BB )
สถานการณ์ที่ควรใช้ Polarized Ranges ในการ 3-Bet
คุณควรใช้ Polarized Ranges ในการ 3-Bet เมื่อ:
- ผู้เล่นที่ Open-Raise มักจะหมอบเมื่อถูก 3-Bet ประมาณ 50% ของเวลา
- คุณมีไพ่ใน Range ที่เหมาะสมมากกว่าที่จะ Call มากกว่าการ 3-Bet
จากภาพแสดงให้เห็น Range ของผู้เล่นที่ตำแหน่ง BB ที่สามารถ เลือก Call ด้วยไพ่ในกลุ่มสีเขียว และ 3-Bet จากไพ่ในกลุ่ม สีแดง และ ชมพู เนื่องจากผู้เล่นที่ตำแหน่ง Button มักจะ Open-Raise ด้วย Range ที่ค่อนข้างกว้าง คุณจึงสามารถโจมตี ด้วยการใช้ Polarized Range ซึ่งสามารถนำไพ่ในกลุ่มสีชมพูมาใช้ Bluff เพิ่มโอกาสชนะได้
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลยุทธ์ 3-Bet มีประสิทธิภาพ
- คู่ต่อสู้หมอบให้กับการ 3-Bet มากกว่าปกติหรือไม่
หากคู่ต่อสู้มักจะหมอบเมื่อถูก 3-Bet คุณควรเพิ่มความถี่ในการ 3-Bet ด้วยไพ่ Bluff และหากคู่ต่อสู้ไม่หมอบ คุณควรเพิ่มการ 3-Bet ด้วยไพ่ที่แข็งแกร่งแทน - แนวโน้มการเล่นของคู่ต่อสู้ในรอบ Post-Flop
หากคู่ต่อสู้มักจะหมอบเมื่อไม่ติดไพ่ คุณควรเพิ่มการ 3-Bet และ C-bet ในรอบ Post-Flop และลดการ 3-Bet หากคู่ต่อสู้เล่น Post-Flop ได้ดี - แนวโน้มของคู่ต่อสู้ที่เหลืออยู่
พิจารณาว่าคู่ต่อสู้ที่เหลืออยู่น่าจะเล่นอย่างไร หากพวกเขามักจะ Squeeze คุณควรเลือก Call แทนการ 3-Bet