เทคนิคในการพัฒนากลยุทธ์ในเกมโป๊กเกอร์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยการนำ GTO และ Solver มาใช้วิเคราะห์แผนการเล่น สำหรับบทความนี้ เราได้รวบรวม 3 เทคนิคที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายๆ เพื่อช่วยคุณสร้างรายได้ในปี 2024
- Slow-Play ไพ่คู่ A โดยมีเป้าหมาย เพื่อล่อให้คู่ต่อสู้ตกหลุมพลาง
ผู้เล่นโป๊กเกอร์ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้ Solver มักจะเล่นไพ่คู่ที่แข็งแกร่ง เช่น AA หรือ KK ด้วยการพยายามสร้าง Pot ให้ใหญ่และเร็วที่สุด ผ่านการ Bet หรือ Raise ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าปกติ หรือแม้กระทั่งการ All-in ทันที ซึ่งการเล่นแบบนี้มักมาจากความกลัวที่ไพ่คู่ A จะถูก Crack (การที่ไพ่ที่แข็งแกร่งของคุณถูกเอาชนะด้วยไพ่ที่ด้อยกว่า) แทนที่จะใช้การ Slow-Play ที่ซับซ้อนกว่า ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไรสูงขึ้นจากการเล่นแบบปกติ
ตัวอย่างเช่น คุณเล่นอยู่ที่โต๊ะ 1/2 และมี Stack อยู่ที่ 200BB ผู้เล่นที่ตำแหน่ง Button Open-Raise และคุณที่ตำแหน่ง Big Blind เลือก 3-Bet ด้วยไพ่ AA คู่ต่อสู้ Call Flop เปิดออกมาเป็น 7♦4♦2♥ ในสถานการณ์นี้ ผู้เล่นทั่วไปอาจเลือกที่จะ C-bet ใหญ่ๆ เพื่อเรียก Value ให้ได้มากที่สุด แต่ Solver แนะนำให้เลือก Check ถึง 56% ทำไม?
เหตุผลที่ Solver เลือก Check มีดังนี้:
- เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ติดอะไรบางอย่างที่ดีพอจะยอมจ่าย: สมมุติว่าคู่ต่อสู้ถือ K♣J♣ หากคุณ C-bet ที่ Flop เขาอาจหมอบ แต่หากคุณเปิดโอกาสให้เขาเล่นต่อที่ Turn และไพ่เปิดออกมาเป็น J โอกาสที่คุณจะได้ชิปของเขาทั้งหมดก็จะเพิ่มขึ้น
- เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ Bluff: เมื่อคุณ Check คู่ต่อสู้มักจะคิดว่าไพ่ของคุณไม่แข็งแกร่งนัก จึงอาจใช้โอกาสนี้ Bluff ยกตัวอย่างเช่น ไพ่ Q♣J♣ ที่ Call การ 3-Bet เข้ามาแล้วไม่ติดอะไรที่ Flop
- ป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้คาดเดาไพ่ใน Range ของคุณได้: หากคุณ Bet เมื่อมีไพ่ที่ดีและ Check เมื่อไม่ติดอะไร คู่ต่อสู้จะคาดเดาไพ่ใน Range ของคุณได้ง่าย การ Check ไพ่ AA เช่นเดียวกับการเล่น AK ทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถคาดเดาได้
- Bet ให้ใหญ่ขึ้นเมื่อ Flop เปิดออกมาสร้างความแข็งแกร่งให้กับคุณมากกว่าคู่ต่อสู้
สมมุติว่าคุณ Raise และมีผู้เล่นที่ตำแหน่ง Big Blind Call ไพ่ที่ Flop เปิดออกมาเป็น A♥K♦2♣ และคู่ต่อสู้ Check ในสถานการณ์นี้ ควรเลือก Bet ขนาดที่มากกว่าปกติ เพราะ Nut Advantage (ความได้เปรียบจากโอกาสที่จะมีไพ่ที่ดีที่สุด) อยู่กับคุณ
เหตุผลที่ Solver เลือก Over-Pot Bet มีดังนี้:
- สร้างโอกาสในการเพิ่มขนาด Pot: เมื่อคุณมีไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุด ต้องพยายามสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงที่สุด
- กดดันคู่ต่อสู้ให้ตัดสินใจยากลำบาก: หากคู่ต่อสู้ถือ KxJx หรือ A♠6♠ เขาจะต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากว่าจะ Call Bet ขนาดใหญ่หรือไม่
- สร้างโอกาสให้ไพ่ Bluff สามารถชนะ: ไม่เพียงไพ่ในกลุ่ม Draw ที่สามารถ Bluff ได้ดี แต่ไพ่ในกลุ่มที่ไม่มีความแข็งแกร่งบนบอร์ดนี้ก็สามารถนำมา Bluff ได้เช่นกัน
- Check เมื่อคุณเสียเปรียบตำแหน่งในการเล่น แม้ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ Raise ในรอบ Pre-Flop ก็ตาม
แม้ว่าคุณจะเป็นฝ่าย Raise ในรอบ Pre-Flop หากคุณเป็นฝ่ายที่ต้องเล่นก่อน หรือเสียเปรียบตำแหน่งในการเล่น (OOP) ควรพิจารณา Check ให้มากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น คุณ Raise และมีผู้เล่น Call Flop เปิดออกมาเป็น 7♦6♦4♣ ในสถานการณ์นี้ บอร์ดเอื้อให้คู่ต่อสู้ที่ Call มากกว่า และคุณยังเสียเปรียบตำแหน่งในการเล่น แม้ว่าคุณจะมีไพ่ที่แข็งแกร่งใน Range ของคุณก็ตาม แต่ก็ยังมีไพ่ที่อ่อนแอเช่น A♠J♣ ที่อาจไม่ติดอะไรเลย
จะเห็นได้ว่า Solver เลือกแนะนำให้ Check ในแผนการเล่น เพื่อ รักษาสมดุล ของไพ่ ใน Range ของคุณระหว่างไพ่ที่แข็งแกร่งและไพ่ที่อ่อนแอไม่ให้คู่ต่อสู้คาดเดาได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณเลือก Check ไพ่ในกลุ่ม Set (77,66,44) ,2-Pair (76s), Over-Pair(AA,KK,QQ ฯลฯ) ,Flush-Draw เช่นเดียวกับไพ่ในกลุ่ม Gut-Shot , Over-Card (Ax,Kx) ฯลฯ ทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถเคาดเดาแผนการเล่นของคุณได้
นอกจากนี้ การเลือก Check ไม่ได้หมายความว่าคุณจะยอมแพ้ ตรงกันข้าม คุณสามารถเพิ่มแผนการเล่น ด้วยการ Check-Raise จากคู่ต่อสู้ที่มักจะเลือก Bet เมื่อคุณแสดงความอ่อนแอ
จะเห็นว่า Solver เลือกที่จะ หมอบ 34% ในกลุ่มสีขาว และ Check-Raise 21% ในสีเขียวอ่อน ที่ประกอบไปด้วยไพ่ที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงไพ่ในกลุ่ม Bluff ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นแผนการเล่นที่แนะนำโดย Solver ดังนั้นหวังว่า เมื่อใดที่ก็ตาม ที่คุณเป็นฝ่าย Aggressive แต่ต้องเล่นโดยเสียเปรียบตำแหน่งในการเล่น ควรพิจารณานำแผนการเล่นโดยการเลือก Check ที่ Flop บ้าง ไปใช้ในแผนการเล่นของคุณ และ แผนการเล่นนี้ มันยังได้ผลหากต้องเผชิญกับการเล่นกับคู่ต่อสู้ที่มากกว่า 1 อีกด้วย (Multiway Pot)
หวังว่า คุณจะนำ 3 เทคนิคนี้ไปใช้ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับคุณในปี 2024