4 เคล็ดลับที่จะช่วยโจมตีคู่ต่อสู้ที่เลือก Check

การเล่นจากตำแหน่ง Out Of Position มันแย่แต่ในความแย่นั้นยังมีโอกาสดีๆ หากคู่ต่อสู้ของคุณเลือกที่จะ Check-Back ให้กับคุณที่ Flop 

 

มันไม่เพียงแต่ทำให้คุณมีโอกาสที่จะได้ดูไพ่ฟรี มันยังมอบโอกาสดีๆที่คุณจะสามารถ Probe Bet ออกไปได้ (Probe bet ก็คือการที่คุณต้องเล่นจากตำแหน่ง Out of Position โดยที่คุณเลือกที่จะ Bet ออกไป เมื่อคู่ต่อสู้ของคุณ Check ที่ Flop การ Probe Bet นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ที่ Turn หรือ River เท่านั้น)

เพื่อที่จะช่วยให้การเล่นของคุณดีขึ้น เราได้สรุปมาเป็น 4 เคล็ดลับดังนี้

 

1. Probe Bet จะลดลงเมื่อ Board มีไพ่ใหญ่ และเพิ่มขึ้นเมื่อไพ่ออกต่ำ

(พิจารณาไพ่บนบอร์ดในภาพรวม) 

เมื่อคู่ต่อสู้ที่ได้เปรียบในเรื่องตำแหน่งในการเป็นคน Raise ในรอบ Pre-Flop (ในที่นี้คือตำแหน่ง ฺButton) กับคุณที่เสียเปรียบตำแหน่งในการเล่น (คุณอยู่ที่ Big-Blinds) ดังนั้นคู่ต่อสู้ของคุณจึงมีความได้เปรียบของไพ่ใน Range (Range Advantage) และความเป็นไปได้ที่จะมีไพ่ที่ใหญ่ที่สุดบนบอร์ด (Nut Advantage) ซึ่งความได้เปรียบนั้นจะส่งต่อมาถึงการเล่นที่ Turn คุณจึงควรลดกลยุทธ์ที่จะ Probe Bet ลงจากเหตุผลดังกล่าว

ตรงกันข้ามเมื่อใดก็ตามที่บอร์ดมีไพ่ต่ำๆ (ที่ไม่เข้าทาง Range ของ Aggressor) ทำให้ Range ของคุณที่เป็นฝ่าย Call มีความได้เปรียบบน Board มากกว่า ดังนั้นคุณจึงสามารถเพิ่มโอกาสชนะ โดยการ Probe Bet ให้มากขึ้น หรือบ่อยขึ้นนั่นเอง


 

2. ลดการ Probe Bet ที่ Turn ให้น้อยขึ้น เมื่อไพ่ที่ Turn เป็นไพ่สูง

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าคู่ต่อสู้มีไพ่ใน Range เป็นไพ่ที่สูง ดังนั้นการที่ Turn เปิดไพ่สูง จะทำให้ความได้เปรียบ หรือโอกาสในการ Bet ที่ Turn นั้นน้อยลงด้วย คุณจึงควรลดการ Probe ให้น้อยลงกว่าปกติ

 

 

3. พิจารณา Range ของคู่ต่อสู้ในรอบ Pre-Flop และ Flop เมื่อไพ่ที่ Turn ตกไพ่ซ้ำบนบอร์ด หรือ Pair Board

ข้อควรพิจารณาที่จะ Probing ในการเล่นที่ Turn ก็คือไพ่ที่ Turn ตก ไพ่เดียวกับไพ่ที่ Flop หรือที่เรียกกันว่า Pair Board โดยสิ่งที่เราควรนำมาพิจาณานั้นก็คือไพ่นั้นสนับสนุน หรือช่วยให้ Range ของใครมีความแข็งแกร่งขึ้น

Probe น้อยลงเมื่อไพ่ที่เปิด ออกมาเป็นไพ่ใหญ่ 

Probe มากขึ้นเมื่อไพ่ที่เปิด ออกมาเป็นไพ่ต่ำ

 

เรามาพิจารณาจากตัวอย่างกันเล็กน้อย

บนโต๊ะ 6 คน ในแบบ  Cash Game ผู้เล่นมีชิป 100BB 

คุณอยู่ที่ตำแหน่ง Big Blind คู่ต่อสุ้ที่ตำแหน่ง Button open Raise ที่ 2.25BB ,SB Fold, คุณ Call

Flop K♠ Q♦ 8♥

คุณ Checks ,Button Check

Turn Q♣

 

คุณจะตัดสินใจเล่นอย่างไร…?

จากการพิจารณาไพ่ที่ Flop คู่ต่อสู้ของคุณมีโอกาสเลือกที่จะ Bet ด้วย Polarize Range จากความได้เปรียบที่ไพ่เปิดออกมานั้นใหญ่ถึงสองใบ หรือใช้โอกาสนี้ถึงจะยังไม่มีไพ่อะไรเลย แต่เขาเลือกที่จะ Check ทำให้เขามีโอกาสสูงที่จะมีไพ่ เช่น Qx ,JJ , และ 8x ขึ้นไป เขามีโอกาสที่จะถือ Qx ได้มากจาก Range ของเขา ดังนั้นการที่เขา Check แล้ว Turn ตก Q♣ จึงเป็นความเป็นไปได้ที่เขาจะติด Trips แล้วที่ Turn

เมื่อวิเคราะห์ได้ดังนี้คุณจึงควรที่จะพิจารณาลดการ Probe Bet ลงให้น้อยกว่าปกติ
คำตอบก็คือ Check 

 

ตัวอย่างที่ 2

บนโต๊ะ 6 คน ในแบบ Cash Game ผู้เล่นมีชิป 100BB เช่นเดิม

คุณอยู่ที่ตำแหน่ง Big Blind คู่ต่อสู้ที่ตำแหน่ง Button open Raise ที่ 2.25BB ,SB Fold, คุณ Call

Flop 6♠ 5 2

คุณ Checks ,Button Check

Turn 2

 

คุณจะตัดสินใจเล่นอย่างไร…?

จากตัวอย่างเมื่อเราพิจารณาการเล่น Pre-Flop เมื่อ Flop เปิดออกมาจะทำให้คู่ต่อสู้มี Range ที่นำมาเล่นอยู่ในกลุ่ม Merged-Range ทำให้ไพ่ใน Range ที่ประกอบไปด้วยไพ่ในกลุ่มเดียว ไม่ได้ประโยชน์ Flop ทีเปิดออกมาต่ำ และจากการที่เขาเลือกที่จะ Check-Back กลับมานั่นทำให้โอกาสที่เขาจะมีไพ่ ในกลุ่ม AA-KK-QQ ฯลฯ ที่ควรจะ Bet เพื่อ Deny-Equity ของคุณเมื่อไพ่ที่ Turn เปิดออกมาเป็น 2♦ อีก 1 ใบ ยังทำให้เขามีโอกาสน้อยมากๆ ที่จะมีและได้ประโยชน์จากมัน  

เมื่อวิเคราะห์ได้ดังนี้คุณจึงควรที่จะพิจารณาลดการ Probe Bet ลงให้มากขึ้นกว่าปกติ
คำตอบก็คือ Bet

 

  1. Probe Bet ให้สูงขึ้นกว่าปกติ หากที่ Turn นั้น Complete-Draw

โดยส่วนใหญ่ผู้เล่นมักจะเลือกที่จะ C-Bet เมื่อไพ่ที่เขาถือนั้นมี Draw อะไรบางอย่างบน Board นั่นหมายความว่าคุณสามารถใช้มันเป็นข้อมูลที่สำคัญในการตัดสินใจพิจารณาการเล่นของคู่ต่อสู้ หากเขานั้นเลือกที่จะ Check-Back ที่ Flop บนบอร์ดที่มี Draw ไม่่ว่าจะเป็น Flush หรือ Straight นั่นแสดงว่าโดยส่วนใหญ่เขาเหล่านั้นไม่มีไพ่ที่มี Draw

 

นอกจากการพี่คุณจะนำข้อมูลนั้นมาพิจารณา Hands ใน Range ของคู่ต่อสู้แล้ว คุณยังสามารถนำข้อมูลนี้มาสร้างความได้เปรียบให้กับคุณ เนื่องจากคุณมีกลยุทธ์ในการเล่นที่เลือกจะ Check ไพ่ทั้งหมดใน Range ที่จะเล่นที่ Flop อยู่แล้ว

และด้วยเหตุผลนี้คุณควรนำความได้เปรียบนี้มาใช้โดยพิจารณาที่จะ Probe-Bet ให้บ่อยขึ้น เมื่อไพ่ที่ Turn นั้นสามารถประกอบเป็น Flush หรือ Straight ได้ แต่มันก็ยังมีข้อยกเว้นเล็กน้อยในเรื่องนี้ก็คือเมื่อใดก็ตามที่ Turn นั้นเปิดออกมาเป็นไพ่ที่ใหญ่ เช่น J หรือ A บน Flop ที่มีไพ่ใหญ่อยู่แล้ว

ยกตัวอย่างเช่น ที่ Flop J T 3 , Turn A แม้ว่ามันจะ Complete Straight ที่สามารถนำมาใช้  Probe-Bet ออกไปตามกลยุทธ์ ที่ 4 นี้ แต่ไพ่ที่ Complete นี้มีโอกาสเอื้อให้ไพ่ในRange ของคู่ต่อสุ้นั้นแข็งแกร่งขึ้นด้วย

 

และสุดท้ายขอกล่าวถึงขนาด Bet-Size ที่ใช้ในการ Probe 

ในการ Probe-Bet เราขอแนะนำให้แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม แม้ว่ากลยุทธ์นี้การเลือกขนาดจริงๆ อาจจะไม่มีความจำเป็นในการใช้ก็ตาม เนื่องจากจุดประสงค์ของกลยุทธ์นี้ต้องการเพียงกดดันให้คู่ต่อสู้หมอบเพียงเท่านั้น (กดดันให้คู่ต่อสู้ผิดพลาด)

แต่เหตุผลที่แนะนำให้แบ่งขนาด Bet-Size ออกเป็น 2 กลุ่มคือ 

1.ที่ 25-50% ของ Pot 

2.ที่ 67-150% ของ Pot
เพื่อให้สามารถนำ Hands ที่เป็น Value และ Bluff ไปใช้ในทั้งสองขนาด เพื่อสร้างการเล่นที่เพิ่ม EV ให้มากขึ้น และทำให้การเล่นของคุณไม่สามารถเดาทิศทางได้ง่ายอีกด้วย

Share to