สำหรับโป๊กเกอร์ที่โดยส่วนใหญ่ใช้แผนการเล่นที่มีการ Bet, Raise เพื่อเอาชนะกันในการแข่งขัน เช่น No-Limit Hold’em , Pot Limit Omaha เราจึงไม่ได้วางกลยุทธ์ไปถึงจุดที่จะเอาชนะด้วยการ Call เพื่อจับบลัฟ หรือ Fold ยอมแพ้เนื่องจากไม่สามารถ Call ไพ่ที่เขาบลัฟได้นั่นก็เพราะว่าไพ่ที่คุณถือเล่นจนถึงจุดนั้นมีพื้นฐานที่ไม่ได้แข็งแกร่งพอ ดังนั้นไม่ว่าจะ Call หรือ Fold ผลตอบแทน หรือ EV (มูลค่าที่คาดหวังว่าจะได้) ที่ได้จึงไม่มีความแตกต่างใดๆ
ในบทความนี้เราขอเรียกสถานการณ์ที่ผู้เล่นต้องการจับบลัฟ หรือลักไก่ว่า Bluff-Catching และ นำสถานการณ์นี้มาวิเคราะห์แบบเจาะลึกว่าทำไม Bluff-Catching ถึงเป็นสถานการณ์ที่สร้างความยากลำบากในการตัดสินใจให้แก่ผู้เล่นโป๊กเกอร์ และแนะนำเทคนิคหลีกเลี่ยงการเล่นที่จะต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้น และวิธีรับมือกับสถานการณ์นี้ในระดับ Advance
การจับบลัฟไม่ใช้การเล่นหลักที่สร้างรายได้!
เราเริ่มต้นด้วยการนำตัวอย่างจากเกม AKQ (คุณอาจเคยได้ยินเกมนี้มาก่อนในชื่อว่า Clairvoyance Game) จากหนังสือ Game Theory of Poker ที่ Game จะเริ่มต้นด้วยการแจกไพ่ให้ผู้เล่น 2 ฝ่าย คนละ 1 ใบ ซึ่งทั้งคู่อาจได้รับไพ่ใบใดใบหนึ่งจาก Ace , King ,Queen ผู้เล่นลงชิปกองกลางคนละ 1 ชิป และเปิดโอกาสให้มีการ Bet เช่นเดียวกับการเล่น Poker เมื่อเล่นจนถึงการตัดสินใจสุดท้ายผู้ที่ถือไพ่ที่ใหญ่กว่าเป็นผู้ชนะ
เนื่องจากเกมนี้ไพ่ที่ได้รับไม่สามารถเปลี่ยนค่าได้ที่คล้ายคลึงกับการเล่นที่ River ของ Poker
ดังนั้นการพิจารณา Bluff-Catching จึงสามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์/เปรียบเทียบเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์จริงในการเล่นโป๊กเกอร์ และหลังจากนั้น เราจึงสามารถนำมาใช้คำนวณย้อนกลับไปยังการเล่นก่อนหน้า ที่ Turn, Flop เพื่อให้เกิดความเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น
เรามาเริ่มต้นทำความเข้าใจถึงการตัดสินใจกับสถานการณ์ต่างๆของเกม AKQ
- Queen – เป็นไพ่ที่แย่ที่สุดมันไพ่ที่ไม่สามารถชนะไพ่ใบใดๆได้ ไพ่ที่คุณจะไม่ Call หากคู่ต่อสู้ของคุณ Bet คุณจึงมีทางเลือก 1. หมอบ 2. บลัฟ (หากเขาถือ K)
- Ace – เป็นไพ่ที่ดีที่สุด ดังนั้นเมื่อคุณได้เปรียบตำแหน่งในการเล่น (เล่นที่หลัง/In Position) คุณจึง Bet ในทุกครั้งไม่ว่าคู่ต่อสู้ของคุณจะ Check หรือ Bet แต่หากคุณเสียเปรียบตำแหน่งในการเล่น (ต้องเล่นก่อน/Out of Position) คุณอาจมีการตัดสินใจที่ซับซ้อนขึ้น คือ
- หากคุณ Bet นั่นหมายความว่าคุณต้องหวังว่าคู่ต่อสู้จะ Call ด้วย Bluff-Catcher ที่เขาถือนั่นก็คือ K
- หากคุณ Check โดยคุณวางกับดัก (Trap) หวังว่าคู่ต่อสู้ของคุณจะ Bet เพื่อ Bluff ด้วย Q หรือ Value ด้วย K เพราะคิดว่าคุณถือ Q
- Ace – เป็นไพ่ที่ดีที่สุด ดังนั้นเมื่อคุณได้เปรียบตำแหน่งในการเล่น (เล่นที่หลัง/In Position) คุณจึง Bet ในทุกครั้งไม่ว่าคู่ต่อสู้ของคุณจะ Check หรือ Bet แต่หากคุณเสียเปรียบตำแหน่งในการเล่น (ต้องเล่นก่อน/Out of Position) คุณอาจมีการตัดสินใจที่ซับซ้อนขึ้น คือ
- King – เป็นไพ่ที่เราเรียกว่า Bluff-Catcher เป็นไพ่ที่ไว้ใช้จับบลัฟ ด้วยชื่อนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณควร Call ในทุกครั้ง เมื่อคู่ต่อสู้ของคุณ Bet อย่างไรก็ตามด้วยไพ่ Bluff-Catcher คุณไม่ควรที่จะ Bet เนื่องจากเขาไม่มีทางหมอบ A หรือ Call ด้วยไพ่ Q
อย่างไรก็ตาม ไพ่ K หรือ Bluff-Catcher นั้นให้โอกาสในการตัดสินใจที่ง่ายแก่คุณหากคุณมีตำแหน่งที่ได้เปรียบ (In Position/เล่นทีหลัง) แล้วคู่ต่อสู้ที่เล่นก่อนเลือกที่จะ Check ไพ่ของเขา ส่วนคุณก็แค่ Check และดูว่าไพ่ของใครชนะ (Showdown ของโป๊กเกอร์) แต่มันจะต่างออกไป
หากคู่ต่อสู้ Bet ที่คุณต้องเลือกว่าจะ Call หรือ Fold (Call เมื่อคิดว่าคู่ต่อสู้ของคุณ Bluff ,Fold หากคู่ต่อสู้ของคุณ มี A ในกรณีที่คู่ต่อสู้ของคุณเป็นคนเล่นแบบตรงไปตรงมา)
เราเรียนรู้อะไรจากเกม AKQ ที่ใช้จำลองการศึกษา Bluff-Catching
สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจก็คือ การ Call ด้วย Bluff-Catcher ไม่ได้เป็นการเล่นที่สร้างผลกำไรให้กับคุณอย่างแท้จริง เนื่องจากผลกำไรที่เกิดขึ้น (การชนะ) ขึ้นอยู่กับความถี่ในการ Bluff ของคู่ต่อสู้
- การ Call ของคุณก็จะเป็นกำไรในระยะยาว หากพวกเขา Bluff มากกว่าปกติในการเล่น
- หากพวกเขา ไม่มี ฺBluff หรือน้อยกว่าปกติ การ Callของคุณก็จะเป็นการเล่นที่ขาดทุนในระยะยาว
หากคุณไม่สามารถระบุได้ว่าผู้เล่นคนนั้นมี Bluff มากกว่าปกติหรือไม่ การเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ Optimal โดย Call และ Fold ในความถี่ที่เท่ากันจะให้ผลตอบแทน หรือ EV0 ในระยะยาวเหมือนกัน นั่นก็คือผลลัพธ์เดียวกัน
การใช้งาน Bluff-Catching ในการเล่นที่ River
เราจำลองการเล่นโป๊กเกอร์ ในสถานการณ์จริงเป็นการเล่นจนถึง River ผู้เล่นมีชิปเริ่มต้นคนละ 100BB
ผู้เล่นที่ตำแหน่ง UTG Raise, ผู้เล่นคนอื่นหมอบหมดจนถึงการเล่นของ คุณที่ตำแหน่ง BB เลือกที่จะ Call
ที่ Flop A♥T♦6♥ คุณ check/call
ที่ Turn 4♠ คุณ check/call
ที่ River 2♥ คุณ check และ ถูก All-in จากผู้เล่น UTG ด้วย over-bet 200% pot
คุณ ควรทำอย่างไร?

จากภาพจะเห็นได้ว่า ไพ่ ในกลุ่มสีเขียวจะเป็น ไพ่ที่นำมา Call และไพ่ในกลุ่มสีน้ำเงินจะเป็น ไพ่ที่ Fold ส่วนไพ่ที่มีทั้งสองสี จะเป็น ไพ่ที่ เลือกจะ Call หรือ Fold แล้วแต่โอกาส โอกาส มีความหมาย 2 อย่าง
- การเล่นที่คุณเลือกที่จะ Call หรือ Fold ขึ้นอยู่กับ สีของไพ่
- การเล่นที่ไม่มีความแตกต่างไม่ว่าจะ Call หรือ Fold ก็ให้ผลตอบแทนในระยะยาวเหมือนกัน ดังเช่นตัวอย่าง ของ ไพ่ K จากเกม AKQ
การเล่นโดยการเลือกที่จะ Call จะเป็นการเล่นที่สร้างกำไร ส่วนใหญ่นั้นมาจากไพ่ Flush ด้วย T9s และ T8s ส่วนไพ่ T6s ที่เป็น 2pair นั้นควรเลือกที่จะ Fold นอกจากนั้น ในตาราง ยังมี AT และ A9 ที่ควร Fold หากไม่มี ♥ และเปลี่ยนไปเป็น Call หากมี
แต่ไม่ใช่ทุก Ax ยกตัวอย่างเช่น AQ ที่เลือกที่จะหมอบ หากไม่มี ♥ แต่อย่างไรก็ตาม EV สำหรับการตัดสินใจนี้ก็ไม่มีความแตกต่างกันด้วย EV ที่ 0.01

แต่ไม่ได้หมายความว่าไพ่ที่ติด Flush ทุกตัวจะเป็นไพ่ Bluff-Catcher ที่ทำกำไร ลองดูกลยุทธ์ ที่ไพ่ 5♥3♥
เกิดจากอะไร?
สถานการณ์อะไรที่ Bluff-Catching จะเป็นการเล่นที่คุ้มค่า
มี 3 ตัวแปรที่สามารถทำให้การ Call All-in ที่ River เป็นการเล่นที่สร้างผลตอบแทนเป็นบวกมากกว่า
1.คุณมีไพ่ที่สามารถเอาชนะ บางไพ่ที่เป็น Value ของ UTG ได้ ซึ่งจากตัวอย่าง ไพ่ของ BBในทางเทคนิคไม่ได้มีไพ่ที่เป็น Bluff-Catcher ทั้งหมดเสียทีเดียว ไพ่ยังประกอบไปด้วยไพ่ที่ไม่มีความแตกต่างของผลกำไรไม่ว่าจะ Call ไปชนะ หรือแพ้อีกด้วย
ยกตัวอย่าง เช่น J♥ 4♥ ที่ดูแล้วไม่ควรที่จะนำไป Call เพื่อชนะ แต่เมื่อเลือกที่จะ Call นั้นมีโอกาสชนะได้มากโดยค่าเฉลี่ย เพราะจะชนะทุกไพ่ที่เป็น Bluff และบาง Flush ที่ต่ำกว่าด้วย
2. คุณมีไพ่ที่ Block ไพ่ที่เป็น Value Hand ของคู่ต่อสู้ เมื่อคู่ต่อสู้ ที่ UTG เลือกที่จะ All-in ที่ River นั่นหมายถึงการ Polarize Bet ด้วยไพ่ใน Range ที่มีทั้ง Value และ Bluff จึงเป็นเหตุผลว่าหากคุณสามารถ Call ได้ด้วย 2pair , Set , Flush ต่ำๆ ได้ Hand ที่เป็น Top pair
ก็ยังสามารถนำไป Call ได้ด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากทั้งหมดสามารถชนะ ไพ่ Bluff ของคู่ต่อสู้ได้
3.คุณหวังว่าคู่ต่อสู้ของคุณจะ Bluff มากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้การจัดบลัฟของคุณสามารถทำกำไรเพิ่มมากขึ้นได้
สำหรับความพิเศษในข้อที่ 3 ที่เน้นไปที่การนำกลยุทธ์ ในการ Exploit มาใช้โดยเชื่อว่าคู่ต่อสู้ของคุณจะมีแผนการเล่นในแบบนั้น ดังนั้นการใช้ Bluff-Catcher ของคุณจึงขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ที่จุดอ่อนของคู่ต่อสู้ ผลกำไรนั้นจึงขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณในการคาดเดา ถ้าเดาถูกก็เป็นกำไรเดาผิดก็เป็นตรงกันข้ามคือสูญเสีย
การรับมือกับสถานการณ์นี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่การเล่นของคุณต้องไม่สามารถ คาดเดาได้เช่นเดียวกัน เนื่องจาก คุณจะสามารถ ถูกโจมตีจากจุดอ่อนนี้ได้
บทสรุป
การตัดสินใจเมื่ออยู่ในสถานการณ์ Bluff Catching ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของ ไพ่ของคุณ ประเด็นก็คือไพ่ของคุณนั้นแข็งแกร่งกว่าไพ่ของคู่ต่อสู้ที่ใช้ Bluff เพียงเท่านั้น และไม่สามารถชนะไพ่ Value ของคู่ต่อสู้ได้เลย นั่นหมายความว่าหากคุณเลือกที่จะ Call แม้เพียงไพ่ Top-Pair ก็สามารถชนะ Bluff ของคู่ต่อสู้ได้
โดยส่วนใหญ่การเลือก Call ด้วยไพ่ Bluff-Catcher นั้น ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า blocker หรือ unblocker
สิ่งที่คุณควรให้ความสนใจคือการเล่นก่อนที่จะถืงการเล่นที่ River ที่ต้องพิจารณา Blocker , Minimum Defense Frequency ฯลฯ
นั่นก็คือคุณควร Call เพื่อไปจับบลัฟ กับผู้เล่นประเภทนี้หรือไม่ ? หากคุณไม่พิจารณาอย่างรอบคอบการที่คุณ Call จากทฤษฎีเกมต่างๆ หรือแผนการเล่นที่รอบคอบอาจกลายเป็นการเล่นแย่ๆ อีกครั้งก็ได้