ในบทความนี้ เราขอนำเสนอ กลยุทธ์ในการ Bluff ที่ Alexander Fitzgerald ได้ให้คำแนะนำสำหรับการแข่งขันโป๊กเกอร์ในรูปแบบ MTT (Multi-Table Tournament) ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้ง่ายในเกมของคุณ โดยเขาได้ให้คำแนะนำว่า
สมมติว่าคุณได้สมัครเข้าแข่งขันทัวร์นาเมนต์ในรายการที่มีค่าสมัคร 200 หรือ 300 ดอลลาร์ สิ่งสำคัญที่คุณต้องทำคือ พยายามเอาชนะและสะสมชิปให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะถึงช่วง Bubble
Bubble คือช่วงเวลาสำคัญในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ ซึ่งเป็นจุดที่ ผู้เล่นที่ยังเหลืออยู่กำลังจะได้รับเงินรางวัล หากมีผู้เล่นคนอื่นตกรอบ เพื่อเข้าสู่ช่วง In The Money (ITM)
หากคุณมีชิปไม่มากพอในช่วง Bubble คุณจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะหลังจากผ่านช่วง Bubble ไป ผู้เล่นมักจะเล่นดุดันขึ้น เนื่องจากพวกเขาไม่กังวลเรื่องรางวัลแล้ว หากคุณมีชิปน้อยเกินไป คุณอาจถูกบีบให้ต้อง All-in ด้วยมือที่ไม่แข็งแกร่ง คุณจึงต้องเตรียมพร้อมให้ตัวเองมีชิปที่เพียงพอเมื่อเข้าสู่ Final Table
ตัวอย่างสถานการณ์ในการ Bluff
ลองสมมติว่าคุณอยู่ที่ Big Blind (BB) และถือไพ่ 9♠ 8♦ แล้วเลือกที่จะ Call คู่ต่อสู้ที่ตำแหน่ง Cutoff (CO) ซึ่งเลือก Open-Raise
ไพ่ที่ Flop เปิดออกมาเป็น 7♥ 5♥ 4♦ คุณมีไพ่ โพแดงหนึ่งใบในมือ (เช่น 8♥)
การตัดสินใจ
คุณต้องเล่นก่อน และแน่นอนคุณเลือกที่จะ Check คู่ต่อสู้ของคุณ C-Bet คุณสามารถ Check-Call ได้ตามปกติ แต่ Fitzgerald แนะนำแผนการเล่น สำหรับช่วงใกล้ Bubble โดยเฉพาะถ้าคุณมี 50-70 บิ๊กบลายด์
กลยุทธ์นี้เป็นการ Exploit คู่ต่อสู้และเหมาะกับทัวร์นาเมนต์ระดับ Low-Stake ซึ่งจะได้ผลดีขึ้นหากการแข่งขันดำเนินมาแล้ว สามถึงสี่ชั่วโมง เพราะผู้เล่นไม่อยากตกรอบหลังจากเล่นมานาน โดยเฉพาะถ้าพวกเขามีชิปเยอะ
กลยุทธ์ที่แนะนำ
- Check-Raise ที่ Flop
- Bet ต่อที่ Turn
- All-in ที่ River
นี่คือสถานการณ์ที่เหมาะสมสำหรับการกดดันคู่ต่อสู้ด้วยการ Bluff หลายรอบ (Multi-Street Bluff)
ความสำเร็จเกิดจากแผนการเล่นที่ดุดัน
จากตัวอย่างที่ผ่านมา ไพ่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ดคือ 7♥ 5♥ 4♦ คู่ต่อสู้ที่ CO สามารถ C-Bet ด้วยไพ่ที่กว้างมากเกินไป รวมถึงไพ่ที่ยังไม่ติดอะไรเลย
เหตุผลที่เขา C-Bet กว้างเกินไป
- การแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใช้เวลานาน ผู้เล่นอาจเบื่อ
- พวกเขา C-Bet เพียงเพราะต้องการชนะ โดยไม่คำนึงถึงการ Balance แผนการเล่น
เมื่อคุณ Check-Raise แต่เขา Call คุณได้รับข้อมูลสำคัญว่า
- หากเขามีไพ่ที่แข็งแกร่ง เช่น Set หรือ Two Pair เขาจะ Re-Raise กลับมาแล้ว เพราะ
- บอร์ดนี้อันตรายต่อไพ่ของเขา
- ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่นิยม Slow-Play บนบอร์ดแบบนี้
- หากเขามี Overpair เช่น JJ หรือ QQ เขาก็จะกังวล เพราะบอร์ดมีโอกาสที่คุณจะติดสเตรท
เมื่อไพ่ Turn เปิดออกมา
- หากเป็นไพ่สูง (Overcard) เช่น J หรือ Q คู่ต่อสู้ของคุณจะยิ่งกังวล
- แม้ว่า Range ของคุณจะไม่มี Overcard มากนัก แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะรู้สึกว่า บอร์ดแย่ลงสำหรับพวกเขา
Bluff หลายรอบ (Multi-Street Bluff) คืออะไร?
“Alexander Fitzgerald” โปรโป๊กเกอร์ชาวอเมริกันชื่อดัง อธิบายว่า เทคนิคในการ Bluff มักจะเน้นไปที่ การคำนวณคณิตศาสตร์ ในการ Bluff เพียงรอบเดียว (Single-Street Bluff)
แต่การ Bluff หลายรอบ (Multi-Street Bluff) นั้น ซับซ้อนกว่า
ตัวอย่างคำแนะนำทั่วไปที่ไม่ถูกต้อง
- “ผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะหมอบที่ River ดังนั้นพยายามพาเขาไปถึงจุดนั้น”
ข้อผิดพลาดของแนวคิดนี้
- หากคุณ Bluff ที่ River แต่เสียแพ้ที่ Flop และ Turn แผนการเล่นนี้ อาจไม่คุ้มค่า
- คุณต้องวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เล่นและสถานการณ์ให้ดี
เลือก Bluff ใส่ผู้เล่นที่เหมาะสม
โจมตีไปยังผู้เล่นที่มีแนวโน้มจะเลือกเล่นเฉพาะไพ่ที่แข็งแกร่ง และมักจะ Fast-Play (Bet-Raise เมื่อมีไพ่ดี)
ลักษณะของผู้เล่นที่ควร Bluff ใส่
- หากพวกเขามี Over pair, Set หรือ Two Pair คุณจะเห็นพวกเขาเล่นอย่างชัดเจน
- หากพวกเขามีไพ่ที่แข็งแกร่งปานกลาง พวกเขามักจะพยายามเล่นไปจนถึง Showdown ด้วยราคาที่ถูกที่สุด
สรุปกลยุทธ์การ Bluff ใน MTT
- ใช้ Check-Raise บ่อยขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคู่ต่อสู้ C-Bet กว้างเกินไป
- เล่นอย่างดุดันในหลายรอบ (Multi-Street Bluff) แทนที่จะ Bluff เพียงรอบเดียว
- เลือก Bluff ใส่ผู้เล่นที่มีแนวโน้ม Fast-Play
- ใช้ตำแหน่งให้เป็นประโยชน์ และกดดันผู้เล่นที่ต้องการเล่นไปจนถึง Showdown
- ปรับเปลี่ยนแผนการเล่นตามสถานการณ์ โดยเฉพาะช่วง Bubble และช่วงกลางทัวร์นาเมนต์