ขนาดของชิปหน้าตักมีผลกับ Range อย่างไร

ในบทความนี้เราจะได้ศึกษาถึงปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อ Range ในการแข่งขัน Tournaments MTT ว่ามีปัจจัยใดบ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ขนาดของชิปหน้าตัก หรือ Stack-Size โดยวิเคราะห์ว่า ชิปในแต่ละขนาดส่งผลกระทบต่อ Range อย่างไรบ้าง ขนาดของชิปที่มีมากในอับดับต้นๆของ ทัวร์นาเมนต์ หรือ ขนาดของชิปที่เหลือน้อยจนแทบจะต้องออกจากการแข่งขัน ทำให้ Range และ Action ของผู้เข้าแข่งขันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

ตำแหน่งในการเล่นเดียวกันแต่ชิปที่เหลือต่างกัน

เราใช้ตัวอย่างในการเล่นที่ตำแหน่ง UTG โดยมีชิปอยู่ที่ 100BB ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ MTT

Range ของการเล่นในตำแหน่ง UTG ค่อนข้างชัดเจนว่าประกอบไปด้วยไพ่ที่แข็งแกร่งและครอบคลุมบอร์ดได้ดี บอร์ดที่เปิดขึ้นมาต่ำจะถูกครอบคลุมด้วยไพ่ Ax ต่ำ และไพ่ Pocket เล็ก ๆ อีกทั้งใน Range ยังประกอบไปด้วยไพ่ Suited กลางๆ แต่ทั้งหมดก็เน้นไปที่ไพ่ที่มีค่าสูงๆที่มีความแข็งแกร่งมาก

และ Range ด้านล่างเป็น Range ที่แนะนำให้ผู้เล่นในตำแหน่ง UTG นำมาใช้เล่นในการแข่งขัน MTT เมื่อมีชิป อยู่ที่ 50BB

สิ่งที่เราสามารถสังเกตได้ก็คือความเปลี่ยนแปลง ในการเล่นเมื่อมี ชิปลดลง (จาก 100BB มาเป็น 50BB) จะพบกว่ามีการขยาย Range ให้กว้างขึ้นเล็กน้อย จาก ประมาณ 16.5% ไปเป็น 17.7% ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้เล่นทั่วไปได้เนื่องจาก มีความเข้าใจว่า เราสามารถขยาย Range ในการเล่นให้กว้างขึ้นเมื่อเรามีชิปหน้าตักที่มากขึ้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ซึ่งเหตุผลที่นำมาอธิบายสามารถหาได้จาก Range ที่เปลี่ยนแปลงไปดังนี้

ในการแข่งขันที่มีชิปหน้าตักที่ 50BB ไพ่ที่สามารถนำมาเล่นด้วยการ Open-Raise จะถูกขยายไปยังไพ่ A3s, ATo, K8s, KJo และ Qjo รวมถึงเพิ่มแฮนด์อย่างเช่น  KTo, K7s และ K6s เข้ามาใน Range และเพื่อให้ Range สามารถนำไปเล่นได้ในความถี่ที่เหมาะสมจึงนำไพ่บางตัวออกไปเช่น 65s, 76s หรือลดความถี่ลงในบางตัวเช่น 44, 33 และ 22

เหตุผลก็คือ แฮนด์อย่างเช่น 22 สามารถนำมาเล่นและสามารถทำกำไรได้มากกว่าในกรณีที่มีชิปหน้าตักที่มาก (100BB ขึ้นไป) เมื่อสามารถเข้าไปติด Set แต่เมื่อมีชิปหน้าตักน้อยกว่า (50BB ลงมา) ทำให้ไม่คุ้มค่าเมื่อสามารถทำได้ (ติด Set ก็ไม่คุ้มค่า) นอกจากนี้ไพ่ในกลุ่มนี้ยังต้องหมอบมากขึ้นกว่าปกติหากเข้าไปเล่นแล้วไม่ติดอะไร

อย่างไรก็ตามมีไพ่ที่สามารถนำมาเล่นได้มากขึ้นเมื่อมีชิปหน้าตักน้อยลง เนื่องจากการลดลงของ SPR (Stack to Pot ratio) ด้วยไพ่อย่าง ATo, K8s, or QJo ที่สามารถเล่นได้แม้เพียงสามารถติด Top-Pair เท่านั้น ต่างจากในการเล่นเมื่อมีชิปหน้าตักมากๆ (100BB ที่เมื่อนำไปเล่นแล้วติด Top-Pair ก็ยังเล่นได้อย่างยากลำบาก

เพื่อความชัดเจนเราลองลดขนาดชิปหน้าตักลงเหลือเพียง 30BB ในการเล่นที่ตำแหน่งเดียวกัน คือ UTG ในการแข่งขัน MTT เราพบว่า Range ที่แนะนำให้นำไปใช้ในการแข่งขันนั้นมีตัวอย่างดังภาพด้านล่าง

เราพบว่าไพ่ใน Range ส่วนใหญ่จะขยายไปยังไพ่ที่มีค่าสูง และ ลดการเล่นในไพ่ที่มีค่าต่ำลง ซึ่งในตัวอย่างจะเห็นได้ว่า เราไม่เล่นไพ่ คู่ต่ำอย่างเช่น 33,22 และ ไม่มีการเพิ่มไพ่ใหม่ๆ เข้ามาใน Range แต่จะเพิ่มความถี่ในการเล่นไพ่ที่มีความแข็งแกร่งให้มากขึ้นเท่านั้น

และเราพบว่าการเลือกขนาด Bet-Size ได้ลดลงจาก ประมาณ 2.5 BB ลงไปแเหลือเพียง 2BB เนื่องจากขนาดของชิปหน้าตักที่ลดลงมากจนไม่สามารถที่สร้าง Pot ให้ใหญ่โดยที่ไม่ต้อง All-in ได้แล้ว ทำให้การเล่นโดยส่วนใหญ่จะต้อง All-in ในการเล่นที่ Flop หรือ Turn เท่านั้น

บทสรุป

ในบทความนี้ราได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ชิปหน้าตักที่มีมาก หรือน้อยนั้น ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ในการเล่นเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความเปลี่ยนแปลงในการเลือกไพ่เข้าไปเล่นใน Range อีกด้วย เมื่อชิปหน้าตักเหลือน้อยลง เราควรขยาย Range ให้กว้างขึ้นในบางครั้ง และ เราอาจลดไพ่ที่ไม่คุ้มค่าที่จะเล่นลง และไปเพิ่มหรือขยายความถี่ในไพ่ที่สามารถสร้างโอกาสในการเล่นที่ดีกว่าได้

ภาพด้านล่างได้แสดงค่าเป็น เปอร์เซ็นต์ของผู้เล่นที่ตำแหน่ง UTG สามารถนำไปเล่นเล่นโดยอ้างอิงจากขนาดของชิปหน้าตัก ระหว่างขนาด 100BB จนถึง 2BB ซึ่งคุณสามารถพบได้ว่า แนวโน้มโดยรวมคือ ช่วงของ Range ที่จะกว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่จะมีเพียงช่วงระหว่าง 35BB และ 8BB จะมีช่วงของ Range เพียง 2 ช่วงเท่านั้นที่การนำไพ่มาเล่นจะแคบลงเล็กน้อย

อาจไม่น่าแปลกใจที่ Range จะกลับมาเริ่มบีบแคบลงที่ประมาณ 25BB ซึ่งเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ MTT ในชณะที่มีชิปหน้าตัก ประมาณ 17–35BB นั้นไม่มากพอที่จะทำให้มีตัวเลือกในการเล่นได้ แต่ก็มากเกินกว่าที่จะใช้กลยุทธ์ในการ shove หรือ fold ในการแข่งขัน

เมื่อขนาดของชิปหน้าตักลดลง กลยุทธ์ที่สำคัญที่ผู้เล่นควรนำมาพิจารณาในการนำมาเล่นจะเหลือเพียง SPR และ Pot-Odds สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าไพ่ใดที่สามารถทำกำไร หรือ มีอัตราชนะ มากกว่าในการเล่นที่มีชิปหน้าตักที่แตกต่างกัน เช่น ไพ่คู่เล็กจะสามารถทำกำไรได้คุ้มค่าเมื่อมีชิปหน้าตักมาก (100BB) , ไพ่ Suite-Connect นั้นสามารถทำกำไรได้ดีเมื่อมีชิปหน้าตักขนาดกลางๆ การที่เราต้องการนำไปเล่นเพื่อที่จะสามารถเล่นได้อย่างครอบคลุมไพ่บนบอร์ดจะมีความสำคัญลดลงเมื่อมีชิปหน้าตักน้อย

Share to