EV หลังฟลอป ไม่เท่ากัน! ไพ่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

EV หลังฟลอป ไม่เท่ากัน! มืออ่อนเจ็บ มือแข็งกินเรียบ

ที่มาของ EV (Expected Value) ในโป๊กเกอร์

EV หลังฟลอปมาจากไหน?

เช่นเดียวกับก่อนฟลอป EV ส่วนใหญ่หลังฟลอปก็มาจาก “มือที่แข็งแกร่งมาก” เช่นกัน

 

ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ฟลอปออกมาเป็น: Ac 7d 2h (ไพ่ต่างดอก)

พอทกองกลางตอนนี้คือ 50 ชิป

 

หากคุณถือ 77 (เซ็ตกลาง) คุณอาจคาดหวังว่าจะทำให้พอทใหญ่มากกว่า 50 ชิป ซึ่งก็เป็นความจริง — เมื่อดูข้อมูล GTO พบว่า 77 บนฟลอปนี้มี EV สูงถึง 12.9bb ในสถานการณ์ Big Blind vs Button (หลังจากเปิดและถูกคอล)

 

ทั้งที่พอทกองกลางมีแค่ 5bb หรือ 50 ชิป หากคิดเป็นชิปเท่ากับ 1bb = 10 ชิป นั่นคือ EV สูงถึง 129 ชิป ทั้งที่แค่มี equity ประมาณ 96% เท่านั้น

พูดง่าย ๆ คือ มือที่แข็งแกร่ง “Over-Realize” Equity ของตัวเองได้

 

แล้วถ้ามืออ่อนล่ะ?

 

ลองดูตัวอย่าง Kd 8h บนฟลอปเดียวกัน มือนี้มี equity กับ range ฝั่งตรงข้ามประมาณ 43% แต่ EV กลับได้แค่ 1.31bb จากกองกลาง 5bb เท่านั้น

 

นี่แหละคือการ “Under-Realize” Equity อย่างชัดเจน

 

ทำไมมืออ่อนถึงทำมูลค่าได้น้อยกว่า Equity?

 

มืออ่อนและมือกลาง มักจะทำชิปต่ำกว่าที่ควร มือแข็งมักจะทำเงินได้มากกว่าที่ควร

 

เพราะอะไร?

มือที่อ่อนแอและปานกลางทำผลงานได้ต่ำกว่าที่ควร ซึ่งเป็นเพราะ มือเหล่านี้จะพาเราไปพบกับสถานการณ์ที่ตัดสินใจได้ยาก” ผู้เล่นมักถูกบังคับให้เผชิญกับการเดิมพันที่ใหญ่เกินไป หรือต้องเช็คและปล่อยให้คู่ต่อสู้ไปต่อแบบฟรีๆ ทำให้ยากที่จะเล่นมือเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง เว้นแต่จะเห็นไพ่ของคู่ต่อสู้

 

เว้นแต่คุณจะเห็นไพ่คู่แข่ง — ไม่งั้นเล่นมือเหล่านี้ยากมาก กลับกัน

 

แต่ถ้าคุณถือมือแข็ง:

คู่แข่งบลัฟ → คุณชนะพอท

คู่แข่งเรส → คุณชนะพอท

คู่แข่งคอล → คุณชนะพอท

คู่แข่งหมอบ → คุณชนะพอท

เรียกได้ว่า “มือแข็งมีโอกาสสร้างมูลค่าได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

 

แล้วควรเล่นแบบ Nit หลังฟลอปไหม?

คำตอบคือ: “ไม่ควรเด็ดขาด!”

แม้ดูเหมือนว่าการบลัฟจะเป็นเรื่องฟุ่มเฟือย แต่ถ้าคุณ “ไม่บลัฟเลย” คู่แข่งระดับสูงจะจับทางคุณได้เร็วมาก และจะไม่ยอมจ่ายให้คุณเมื่อคุณมีของจริง ผลคือ มือดีของคุณก็จะทำเงินได้น้อยลงเรื่อย ๆ นั้นเอง

 

สรุปส่งท้าย

นี่คือมุมมองแบบ 5 นาทีว่า EV หลังฟลอปมาจากไหน: มือแข็งจะเป็นแหล่งสร้างรายได้หลัก แต่หากไม่มีบลัฟเข้ามาเสริม EV เหล่านั้นก็จะลดลง

เพราะคู่แข่งจะรู้ว่าคุณมีของทุกครั้งที่คุณแอคชั่น หวังว่าคุณจะได้แนวคิดใหม่ ๆ จากบทความนี้

Share to