สถานการณ์ในการเล่นโป๊กเกอร์ที่สร้างปัญหาให้กับผู้เล่นมากที่สุด นั่นคือสถานการณ์ในการเล่นที่มีผู้เล่นมากกว่า 1 คน เข้ามาเล่น Post-Flop หรือที่เรียกกันว่า Multiway-Pot คุณเคยเรียนรู้เทคนิคในการเล่นที่คุณได้ศึกษามาก่อนหน้านี้ คือการเล่นระหว่างผู้เล่นเพียงตัวต่อตัว หรือที่เรียกว่า Single-Raise Pot
แต่บทความนี้คุณจะได้เรียนรู้ที่จะลดความซับซ้อนในการตัดสินใจในสถานการณ์ที่มีผู้เล่นมากกว่า 1 คน หรือ Multiway Pots ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
Multiway Pot คืออะไร?
ลองนึกถึงสถานการณ์ในการแข่งขันโป๊กเกอร์ MTT เมื่อคุณอยู่ที่ตำแหน่ง Hi-Jack ได้รับแจกไพ่ AQo ผู้เล่นก่อนหน้าคุณหมอบหมด จนมาถึงคุณ คุณจึงเลือกที่จะ Open-Raise 2.5BB ผู้เล่นที่ตำแหน่ง BTN ตัดสินใจ Call และ ผู้เล่นที่ตำแหน่ง Big-Blind ก็เลือกที่จะ Call ทั้งสามคนเข้าไปเล่นต่อที่ Flop ลักษณะนี้เราเรียกว่า Multiway Pot หรือ 3-Way Pot (หากมี 4 คน ก็เรียกว่า 4-Way ,5-Way ต่อไปเรื่อยๆ)
ลดความซับซ้อน – ทำให้ง่ายขึ้น
เราได้เรียนรู้มาแล้วว่ายิ่งมีผู้เล่นมากขึ้นเท่าใด โอกาสที่จะชนะของเราก็จะยิ่งลดลงมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำในสถานการณ์นี้ก็คือทำให้มันง่ายขึ้น ลดแผนการเล่นที่หวือหวา ซับซ้อน ด้วยการปรับแนวคิด และกลยุทธ์สำหรับการเล่นในแบบ Multiway โดยแบ่งสถานการณ์ออกเป็น 2 สถานการณ์คือ
1. สถานการณ์ที่เราเป็นฝ่าย Raise ในการเล่น Pre-Flop และ ผู้เล่นอื่น Call (Pre-Flop Raiser)
2. สถานการณ์ที่เราเป็นฝ่าย Call ในการเล่น Pre-flop
- สถานการณ์ที่เราเป็น Pre-flop Raiser
ในสถานการณ์ที่เราเป็นฝ่าย Raise และ ผู้เล่นอื่น เป็นฝ่าย Call เข้ามาเล่น แนวคิดหลักในการใช้กลยุทธ์ใดๆ ที่จะนำมาใช้ เราจะพิจารณาจากโอกาสที่คู่ต่อสู้จะพยายามเอาชนะบนบอร์ดนั้นหรือไม่ ?
ซึ่งต้องพิจารณาปัจจัย 2 ประการ ได้แก่
- ตำแหน่งในการเล่นของเรา (Position)
เมื่อคุณต้องตัดสินใจเล่นก่อน (OOP) เมื่อไพ่ที่ Flop เปิด คุณสามารถใช้ตำแหน่งในการเล่นที่เสียเปรียบให้กลับมาเป็นประโยชน์ได้ ด้วยการ Check ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นที่เหลืออยู่คนใดคนหนึ่งจะพยายาม Bet เพื่อเอาชนะบนบอร์ดนั้น (เนื่องจากผู้เล่นนั้นเห็นว่าคุณและผู้เล่นก่อนหน้าเขาคนอื่นแสดงความอ่อนแอ) การที่คุณเลือก Check จากตำแหน่งที่เสียเปรียบ ทำให้คุณสามารถ เห็นแผนการเล่นของผู้เล่นอื่นก่อนว่าเขาเลือกกลยุทธ์ใดมาใช้เล่นเมื่อบอร์ดมีไพ่ที่เปิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ
- ไพ่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ด (Board Texture)
ไพ่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ด หากเป็นบอร์ดที่ค่อนข้างเชื่อมโยงกัน (Wet or Dynamic Board) ก็จะมีโอกาสที่คู่ต่อสู้จะมีไพ่ที่เชื่อมโยงกับบอร์ดนั้นๆมากกว่าบอร์ดที่ไม่มีความเชื่อมโยงกัน ยกตัวอย่างเช่น บอร์ด J♠9♠2♣ ที่เป็นบอร์ดที่ค่อนข้างเชื่อมโยงกัน ซึ่งทำให้มีโอกาสที่คู่ต่อสู้จะพยายามเอาชนะบนบอร์ดนี้ได้มากกว่า บอร์ด A♦7♣2♥
จากปัจจัยทั้งสองประการ คุณจึงควรใช้แผนการเล่นด้วยการ Check ไพ่ทั้งหมดใน Range ของคุณ เนื่องจากเหตุผล 3 ประการ
1. คู่ต่อสู้ที่มีตำแหน่งที่ได้เปรียบ มักจะเดิมพันมากเกินไป (ทำให้เราอ่าน Range ของคู่ต่อสู้ง่ายขึ้น)
2. ข้อมูลจากการตัดสินใจของผู้เล่นที่อยู่หลังจากเราทำให้เราตัดสินใจง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Check-Raise, Check-Call, Check-Fold และ ยังมีขนาดของ Bet-Size ที่คู่ต่อสู้ใช้ ซึ่งทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ยอดเยี่ยม
3. ฝ่ายตรงข้ามมักจะไม่ Check เพื่อปกป้อง Range ของตนเอง (มักจะไม่ Check ไพ่ที่แข็งแกร่งใน Range) เปิดโอกาสให้เรา Check-Raise ได้มากขึ้น
หากพิจารณาจากโอกาสที่คู่ต่อสู้จะพยายามเอาชนะบนบอร์ดนั้นแล้วคาดว่า มีโอกาสต่ำที่คู่ต่อสู้จะเดิมพัน เช่น บอร์ดไม่มีไพ่ที่เชื่อมโยงกัน คุณควรเลือก C-Bet เฉพาะไพ่ที่แข็งแกร่ง ใน 3 กลุ่มดังนี้
- ไพ่ที่แข็งแกร่ง (Value Hand)ยกตัวอย่างเช่น Set (22,99,JJ) 2-Pair (J9) ,Top-Pair Good-Kicker (AJ,KJ)
2. ไพ่ที่มีลุ้นติดไพ่ที่แข็งแกร่ง (Draw Nut) ยกตัวอย่างเช่น Nut-Flush-Draw (A♠4♠) Straight-Draw (KQ)
3. Blocker ที่มี Nut ยกตัวอย่างเช่น A♠2♦ (บล็อค Nut-Flush และ Set 2)
ยิ่งมีผู้เล่นมากเท่าใด คุณควรลดการ C-Bet ลง เช่น หากมีผู้เล่น 3 คน คุณอาจ Bet ไพ่ Top-Pair ได้ แต่หากมีผู้เล่น 5 คน คุณควรเลือก Bet เฉพาะไพ่ที่แข็งแกร่งเท่านั้นเช่น Top-Pair Top-Kicker หรือ 2-Pair ขึ้นไป
- สถานการณ์ที่เราเป็น Pre-flop Caller
แน่นอนสถานการณ์นี้ มีข้อสงสัยเพียงอย่างเดียวนั่นคือการเล่นอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ (OOP) คือต้องตัดสินใจเล่นก่อนว่าเราควรตัดสินใจเล่นอย่างไร ?
คำตอบก็คือ
โดยส่วนใหญ่คุณควร Check แม้ว่าคุณจะติดอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่ง อย่างเช่น Top-Pair หรือ คุณอาจมีลุ้น (อย่างเช่น Nut Flush-Draw A♠4♠) และคิดว่าจะ Donk ออกไปเพื่อจะกดดันให้คู่ต่อสู้หมอบ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด สิ่งที่คุณควรทำหากคุณต้องการกดดันให้คู่ต่อสู้หมอบในกรณีนี้คือ Check-Raise ต่างหาก
คุณสามารถ Donk-Bet ออกไปได้ใน Multiway Pot ในกรณีที่คุณมีไพ่ที่แข็งแกร่ง เช่น Set ,2 Pair และ
- มีผู้เล่นเป้าหมาย (Fish) 1-2 คน เล่นต่อจากคุณ และอยู่ระหว่างคุณกับผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Raise Pre-Flop เนื่องจากหากคุณ Check เป้าหมายของคุณมีโอกาสที่จะ Check สูงมาก และ Pre-flop Raiser จะ C-Bet ตามปกติคุณ ถึงตรงนี้คุณไม่สามารถ Call ได้แล้ว เพราะไพ่ที่แข็งแกร่งของคุณต้องการที่จะสร้าง Pot ให้มีขนาดใหญ่ เพื่อความคุ้มค่ามากกว่าที่จะพยายามทำให้เป้าหมายยังอยู่ใน Pot และมีผู้เล่นมากกว่า 2 คนใน Pot ต่อไป (ซึ่งลดโอกาสชนะของคุณลงไป) การที่คุณ Donk-Bet ทำให้เป้าหมาย (Fish) ที่ชอบ Call เลือกที่จะ Call ได้ง่าย โดยที่เราไม่สนใจว่า ผู้เล่นที่เป็น Pre-Flop Raiser จะ Re-Raise หรือหมอบ
- ในกรณีมีผู้เล่นที่เป็นเป้าหมาย (Fish) 1-2 คน ตัดสินใจเป็นคนสุดท้าย คุณควร Check เนื่องจาก ผู้เล่นที่เป็น Pre-Flop Raiser จะ C-bet ผู้เล่นเป้าหมายก็จะ Call และ เราสามารถตัดสินใจ Check-Raise ได้ หรือหาก Pre-Flop Raiser Check ผู้เล่นเป้าหมายอาจจะถือโอกาส Bet ออกมาก็ได้ทำให้เราสามารถทำกำไรได้จากการเล่นนี้
และทั้งหมดนี้คือสถานการณ์ในการเล่นที่ช่วยลดความซับซ้อนในการเล่น Multiway Pot ที่เราหวังว่าจะช่วยให้คุณสามารถนำวิธีเล่นโป๊กเกอร์นี้ไปเล่นเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างมั่นใจขึ้น!