ในการแข่งขันโป๊กเกอร์เราสามารถพบผู้เล่นโป๊กเกอร์ที่มีลักษณะการเล่นแบบ Passive อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเล่น Cash Game ในระดับ Micro, Low, Middle หรือแม้แต่ในระดับ High Stake ก็ตาม
สรุปได้ว่าผู้เล่นประเภทนี้มีอยู่ทุกที่นั่นเอง สำหรับบทความนี้เรามาทำความรู้จักผู้เล่นในประเภทนี้ให้ดียิ่งขึ้นและนำกลยุทธ์ที่ถูกต้องเหมาะสมไปใช้เพื่อเป้าหมายนอกจากชัยชนะแล้วยังต้องทำกำไรให้ได้มากที่สุดด้วย
ความหมายของผู้เล่น Passive
เราสามารถกำหนด หรือแบ่งว่าผู้เล่นใดเป็นผู้เล่นประเภท Passive เป็นสองลักษณะคือ
- Under Folding คือ การที่ผู้เล่นเลือกที่จะ Call ด้วยไพ่ที่ควรจะหมอบ
- Under Aggressive คือ การที่ผู้เล่นเลือกที่จะ Call ด้วยไพ่ที่ควรจะ Raise หรือ Bet
ผู้เล่นประเภท Passive จะมีคุณลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างอยู่แผนการเล่นของเขานั่นก็คือมักจะนำไพ่ที่ควรจะหมอบมา Call โดยเฉพาะ ในรอบ Pre-Flop ที่สามารถเห็นได้ชัดเจน ทำให้ Range ที่เขานำมาใช้เล่นนั้นจะกว้างมากกว่าปกติมาก มีไพ่ที่ไม่ควรนำมาเล่นอยู่มากมาย และไม่ชอบที่จะ Bet หรือ Raise ทำให้พลาดโอกาสในการสร้าง Value จากไพ่ที่ดีและแข็งแกร่ง ของเขา นอกจากนี้ยังรวมถึงไพ่ที่กำลังมีลุ้นในการพัฒนาเป็นไพ่ที่แข็งแกร่ง หรือไพ่ Draw ต่างๆ ที่ควรจะใช้โอกาสในการวางชิปเดิมพันลงไป นอกจากนั้นยังเสียโอกาสในการ Bluff ด้วยไพ่ที่ไม่ดีของเขาจากการเล่นที่ Aggressive ได้อีกด้วย
วางแผนการเล่นกับผู้เล่นประเภท Passive
แผนการเล่น หรือกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้กับผู้เล่นประเภท Passive ที่แนะนำนั่นก็คือการแผนการเล่นด้วยการ Exploit นั่นเอง (ด้วยการนำ GTO มาเป็นตัวกำหนดแนวทาง) แต่การที่จะ Exploit ในแต่ละจุดนั้นไม่ได้ง่าย เราต้องทราบข้อมูลของผู้เล่น Passive เหล่านั้น ว่ามีความผิดพลาดจากในการเล่นของเขาอย่างไร เพื่อที่เราจะทำการโจมตีได้อย่างถูกต้อง เราสามารถแบ่งแผนการเล่นออกเป็นสองส่วนดังนี้
- โจมตีจากแผนการเล่นที่ผิดพลาดก่อนหน้า (Retro-Active)
แผนการ Exploit ด้วยวิธีนี้จะสังเกตความผิดพลาดที่ผู้เล่นเหล่านั้นได้ทำลงไปในการเล่นของรอบก่อนหน้า แล้วจึงเลือกแผนการเล่นที่จะโจมตีจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นโดยมองตัวแปรที่จะโจมตีเฉพาะในการเล่นของรอบก่อนหน้านั้นเท่านั้นไม่นำตัวแปรในการเล่นปัจจุบันมาใช้ ยกตัวอย่างเช่น หากเราเชื่อว่า ผู้เล่นคนนั้น (Passive Player) ในรอบ Flop นั้น Under Folding เราจึงวางแผนการเล่นเพื่อโจมตีไปยังการเล่นที่ Under Folding นั้น โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับไพ่ ที่ Turn หรือ แผนการเล่นที่ Turn มาเป็นตัวแปรในแผนการเล่น
2. โจมตีจากแผนการเล่นในขณะนั้น (Pre-Emptive)
แผนการ Exploit ด้วยวิธีนี้จะใช้แผนการเล่นโดยใช้ตัวแปรในปัจจุบัน รวมถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นด้วย ยกตัวอย่าง เช่น เราจะสังเกตผู้เล่นที่ Passive มีแผนการเล่นที่ผิดพลาดอย่างไร เมื่อกำลังเล่นที่ Flop เพื่อวางแผนที่จะโจมตี และยังวางแผนล่วงหน้าไปยังการเล่นที่ Turn และ River ไว้ด้วย
จะเห็นได้ว่าแผนการเล่นที่จะ Exploit คู่ต่อสู้ที่เป็นผู้เล่นที่เป็น Passive Player นั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบ Pre-Emptive ที่มองแผนการเล่นในปัจจุบันและวางแผนการเล่นล่วงหน้าน่าจะเป็นแผนการเล่นที่ควรนำมาใช้ แต่ที่ถูกต้องคือการนำทั้งสองแผนการเล่นมาปรับใช้ร่วมกันโดยการวิเคราะห์การเล่นที่ผิดพลาดของเขาจาก Retroactive (การเล่นที่ผิดพลาดของเขา ในรอบก่อนหน้า) และ วางแผนการเล่นด้วยการ Pre-Emptive เพื่อผลตอบแทนที่สูงที่สุด หรือ EV ที่มากที่สุดนั่นเอง
วางแผนการเล่น เริ่มจากการใช้ Retroactive
เราวางแผนการเล่นจากการใช้ Retroactive คือการเล่นที่ผิดพลาดของเขาจากการเล่นก่อนหน้า คือ การเริ่มวิเคราะห์ Range ของผู้เล่นเหล่านั้นเลือกนำมาใช้โดยเปรียบเทียบกับ Range ที่ GTO แนะนำเรานำตัวอย่างในการแข่งขันโป๊กเกอร์ระหว่างผู้เล่นที่ตำแหน่ง HJ มีชิปหน้าตักที่ 50bb เลือก Open Raise คู่ต่อสู้ที่เป็นผู้เล่นที่ Passive มากๆ เขาเลือก Call เราคาดเดา Range ของผู้เล่นคนนี้ได้ดังภาพ
ในภาพด้านซ้ายคือ Range ที่ GTO แนะนำให้ผู้เล่นในตำแหน่ง BB ควรนำไปใช้ โดยประกอบไปด้วย ไพ่ที่จะทำการ 3-Bet ,Call และหมอบ ส่วนไพ่ทางฝั่งขวามือคือไพ่ที่ผู้เล่น Passive นำมาใช้ในการ Call นั่น ซึ่งจากภาพเราจะเห็นว่าเขานำไพ่มาเล่นแทบจะทุกไพ่ โดยยกเว้นไพ่ที่แย่จริงๆ ในฝั่ง Off suite และ 3-Bet ในเฉพาะไพ่ที่ Premium เท่านั้น
นั้นทำให้เราสามารถโจมตีผู้เล่นตำแหน่ง BB ที่นำไพ่มาเล่นได้มากกว่าปกติ หมายความว่าเราโจมตีด้วยการ C-bet เขาได้มากขึ้นจากความผิดพลาดที่เขานำไพ่มาเล่นมากกว่าปกติ ดังแถบที่แสดงด้วยสีแดง เปรียบเทียบกับการเล่นด้วย GTO แนะนำด้วยแถบสีเขียวโดยส่วนใหญ่ใน หลายๆ Flop ดังบรรทัดสุดท้ายที่แสดงค่าเป็นค่าเฉลี่ย ( Average )
สรุปแผนการ Exploit โจมตีจากแผนการเล่นที่ผิดพลาดก่อนหน้า (Retro Active)
เนื่องจากคู่ต่อสู้ที่ Passive นำไพ่เข้ามาเล่นกว้างกว่าปกติทำให้เราสามารถ โจมตีด้วยความถี่ที่สูงกว่าปกติด้วยเช่นเดียวกัน (C-Bet มากกว่าปกติ) เนื่องจากไพ่ใน Range ของคู่ต่อสู้นั้นส่วนใหญ่จะไม่สามารถติดอะไรได้ และ ใช้ขนาดที่ใหญ่ขึ้นในบางบอร์ดที่มีความเหมาะสม เพิ่ม Value ให้กับ Nut Advantage ใน Range ของเรา เราสามารถสรุปแผนการเล่นได้ดังนี้
- คู่ต่อสู้มักจะไม่มีการเล่นที่ดุดันหรือ Aggressive หากเรา Passive
- ไม่ควร Slow-Play ไพ่ที่มีความแข็งแกร่งของเรา
- หาก Range ของเรา Capp สามารถที่จะ Check ได้บ้าง
- คู่ต่อสู้จะไม่มีการตอบโต้แม้ว่าเราจะเล่นด้วยแผนการเล่นที่แน่นอนแบบใดแบบหนึ่ง แบบเปิดไพ่เล่น (เพราะเขา Passive)
วางแผนการเล่นต่อเนื่อง Pre-Emptive
การวางแผนการเล่นด้วยการ Exploit อย่างถูกต้องต่อเนื่องกับคู่ต่อสู้ ด้วย Pre-Emptive คือการโจมตีไปยังการเล่นที่คู่ต่อสู้ใช้ในขณะนั้นและวางแผนไปยังการเล่นในรอบต่อไป
ยกตัวอย่างเช่น การที่เรา Range-Bet ที่ Flop โดยอาศัย Range ที่คู่ต่อสู้นำมาใช้ในรอบ Pre-Flop ทำให้เราคาดเดาแผนการเล่นของคู่ต่อสู้ได้ว่า คู่ต่อสู้จะ Call ด้วยไพ่ในลักษณะใดบ้างจาก พฤติกรรมของเขา ยกตัวอย่างเช่น ในบอร์ด A♠A♥6♦ ที่เรา Range-Bet คู่ต่อสู้ ที่เป็นผู้เล่นที่ Passive มักจะไม่หมอบไพ่ที่มีโอกาสชนะได้น้อย หรือ ไพ่ที่มี Equity ต่ำ ดังภาพด้านล่าง
คู่ต่อสู้จะไม่หมอบ ไพ่ 6 , ไพ่ King High, ไพ่ Draw ต่างๆ ,ฯลฯ ดังภาพ และจากแผนการเล่นของเราจะสร้างแผนการเล่นต่อเนื่องคือ
- คู่ต่อสู้มีโอกาสที่จะหมอบที่ Turn ได้มากขึ้นจากไพ่ที่แย่ลงเรื่อยๆ
- เรามีโอกาสที่จะ Realize Equity (สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความเรื่อง “ทำความเข้าใจกับ Equity Realization”) เพิ่มขึ้นได้ ทั้งจาก Value และ Bluff ที่ Turn และ River หรือ Check-Back ได้ตามแผนการที่เราต้องการ
- คู่ต่อสู้แม้จะมีไพ่ที่แข็งแกร่ง แต่ด้วยความที่เป็นผู้เล่นประเภท Passive เขาจะไม่มีการ Check-Raise หรือ Raise กลับมาทำให้ Fold-Equity เราน้อย และไร้ความกดดันในการเล่น
- เราสามารถทำกำไรได้มากขึ้นจากไพ่ที่แข็งแกร่งของเราเนื่องจากคู่ต่อสู้ที่ Passive จะไม่หมอบไพ่ของเขาง่ายๆ
สรุปบทความ
แผนการเล่นกับผู้เล่นที่เป็น Passive Player นั้น เราสามารถทำกำไรได้สูงสุด (Maximize EV) จาก
- สร้าง Pot ให้ใหญ่ ด้วยการ Value Bet ทำให้ผลตอบแทนคุ้มค่าจากการ Over-Realize Equity (การเล่นส่งผลให้โอกาสชนะสูงขึ้นกว่า Equity ที่มี)
- เมื่อผู้เล่น Passive Player ดุดันกลับมาด้วยการ Bet, Raise หรือ Re-Raise คุณควรเลือกที่จะหมอบไพ่โดยส่วนใหญ่ที่ไม่แข็งแกร่ง
- ลดการ Bluff ที่ River ลงหากคู่ต่อสู้สามารถ Call ทั้งสอง Street ได้ (Flop-Turn) หากไพ่ที่ River ไม่ได้เอื้อให้คุณ Bluff
ผู้เล่น Passive นั้นมีอยู่ทุกที่ในทุกๆ ระดับ มองหาผู้เล่นประเภทนี้เนื่องจากเขาเหล่านี้คือผู้เล่นที่จะช่วยให้คุณสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าในการแข่งขันโป๊กเกอร์