แผนการเล่นเมื่อเจอผู้เล่น Passive

ในการแข่งขันโป๊กเกอร์เราสามารถพบผู้เล่นโป๊กเกอร์ที่มีลักษณะการเล่นแบบ Passive อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเล่น Cash Game ในระดับ Micro, Low, Middle หรือแม้แต่ในระดับ High Stake ก็ตาม

สรุปได้ว่าผู้เล่นประเภทนี้มีอยู่ทุกที่นั่นเอง สำหรับบทความนี้เรามาทำความรู้จักผู้เล่นในประเภทนี้ให้ดียิ่งขึ้นและนำกลยุทธ์ที่ถูกต้องเหมาะสมไปใช้เพื่อเป้าหมายนอกจากชัยชนะแล้วยังต้องทำกำไรให้ได้มากที่สุดด้วย

 

ความหมายของผู้เล่น Passive
เราสามารถกำหนด หรือแบ่งว่าผู้เล่นใดเป็นผู้เล่นประเภท Passive เป็นสองลักษณะคือ

  1. Under Folding คือ การที่ผู้เล่นเลือกที่จะ Call ด้วยไพ่ที่ควรจะหมอบ
  2. Under Aggressive คือ การที่ผู้เล่นเลือกที่จะ Call ด้วยไพ่ที่ควรจะ Raise หรือ Bet

 

ผู้เล่นประเภท Passive จะมีคุณลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างอยู่แผนการเล่นของเขานั่นก็คือมักจะนำไพ่ที่ควรจะหมอบมา Call โดยเฉพาะ ในรอบ Pre-Flop ที่สามารถเห็นได้ชัดเจน ทำให้ Range ที่เขานำมาใช้เล่นนั้นจะกว้างมากกว่าปกติมาก มีไพ่ที่ไม่ควรนำมาเล่นอยู่มากมาย และไม่ชอบที่จะ Bet หรือ Raise ทำให้พลาดโอกาสในการสร้าง Value จากไพ่ที่ดีและแข็งแกร่ง ของเขา นอกจากนี้ยังรวมถึงไพ่ที่กำลังมีลุ้นในการพัฒนาเป็นไพ่ที่แข็งแกร่ง หรือไพ่ Draw ต่างๆ ที่ควรจะใช้โอกาสในการวางชิปเดิมพันลงไป นอกจากนั้นยังเสียโอกาสในการ Bluff ด้วยไพ่ที่ไม่ดีของเขาจากการเล่นที่ Aggressive ได้อีกด้วย

 

วางแผนการเล่นกับผู้เล่นประเภท Passive

แผนการเล่น หรือกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้กับผู้เล่นประเภท Passive ที่แนะนำนั่นก็คือการแผนการเล่นด้วยการ Exploit นั่นเอง (ด้วยการนำ GTO มาเป็นตัวกำหนดแนวทาง) แต่การที่จะ Exploit ในแต่ละจุดนั้นไม่ได้ง่าย เราต้องทราบข้อมูลของผู้เล่น Passive เหล่านั้น ว่ามีความผิดพลาดจากในการเล่นของเขาอย่างไร เพื่อที่เราจะทำการโจมตีได้อย่างถูกต้อง เราสามารถแบ่งแผนการเล่นออกเป็นสองส่วนดังนี้

 

  1. โจมตีจากแผนการเล่นที่ผิดพลาดก่อนหน้า (Retro-Active)

            แผนการ Exploit ด้วยวิธีนี้จะสังเกตความผิดพลาดที่ผู้เล่นเหล่านั้นได้ทำลงไปในการเล่นของรอบก่อนหน้า แล้วจึงเลือกแผนการเล่นที่จะโจมตีจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นโดยมองตัวแปรที่จะโจมตีเฉพาะในการเล่นของรอบก่อนหน้านั้นเท่านั้นไม่นำตัวแปรในการเล่นปัจจุบันมาใช้ ยกตัวอย่างเช่น หากเราเชื่อว่า ผู้เล่นคนนั้น (Passive Player) ในรอบ Flop นั้น Under Folding เราจึงวางแผนการเล่นเพื่อโจมตีไปยังการเล่นที่ Under Folding นั้น โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับไพ่ ที่ Turn หรือ แผนการเล่นที่ Turn มาเป็นตัวแปรในแผนการเล่น

 

       2. โจมตีจากแผนการเล่นในขณะนั้น (Pre-Emptive)

            แผนการ Exploit ด้วยวิธีนี้จะใช้แผนการเล่นโดยใช้ตัวแปรในปัจจุบัน รวมถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นด้วย ยกตัวอย่าง เช่น เราจะสังเกตผู้เล่นที่ Passive มีแผนการเล่นที่ผิดพลาดอย่างไร เมื่อกำลังเล่นที่ Flop เพื่อวางแผนที่จะโจมตี และยังวางแผนล่วงหน้าไปยังการเล่นที่ Turn และ River ไว้ด้วย

 

จะเห็นได้ว่าแผนการเล่นที่จะ Exploit คู่ต่อสู้ที่เป็นผู้เล่นที่เป็น Passive Player นั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบ Pre-Emptive ที่มองแผนการเล่นในปัจจุบันและวางแผนการเล่นล่วงหน้าน่าจะเป็นแผนการเล่นที่ควรนำมาใช้ แต่ที่ถูกต้องคือการนำทั้งสองแผนการเล่นมาปรับใช้ร่วมกันโดยการวิเคราะห์การเล่นที่ผิดพลาดของเขาจาก Retroactive (การเล่นที่ผิดพลาดของเขา ในรอบก่อนหน้า) และ วางแผนการเล่นด้วยการ Pre-Emptive เพื่อผลตอบแทนที่สูงที่สุด หรือ EV ที่มากที่สุดนั่นเอง

 

วางแผนการเล่น เริ่มจากการใช้ Retroactive

เราวางแผนการเล่นจากการใช้ Retroactive คือการเล่นที่ผิดพลาดของเขาจากการเล่นก่อนหน้า คือ การเริ่มวิเคราะห์ Range ของผู้เล่นเหล่านั้นเลือกนำมาใช้โดยเปรียบเทียบกับ Range ที่ GTO แนะนำเรานำตัวอย่างในการแข่งขันโป๊กเกอร์ระหว่างผู้เล่นที่ตำแหน่ง HJ มีชิปหน้าตักที่ 50bb เลือก Open Raise คู่ต่อสู้ที่เป็นผู้เล่นที่ Passive มากๆ เขาเลือก Call เราคาดเดา Range ของผู้เล่นคนนี้ได้ดังภาพ


 

ในภาพด้านซ้ายคือ Range ที่ GTO แนะนำให้ผู้เล่นในตำแหน่ง BB ควรนำไปใช้ โดยประกอบไปด้วย ไพ่ที่จะทำการ 3-Bet ,Call และหมอบ ส่วนไพ่ทางฝั่งขวามือคือไพ่ที่ผู้เล่น Passive นำมาใช้ในการ Call นั่น ซึ่งจากภาพเราจะเห็นว่าเขานำไพ่มาเล่นแทบจะทุกไพ่ โดยยกเว้นไพ่ที่แย่จริงๆ ในฝั่ง Off suite และ 3-Bet ในเฉพาะไพ่ที่ Premium เท่านั้น

 

 

นั้นทำให้เราสามารถโจมตีผู้เล่นตำแหน่ง BB ที่นำไพ่มาเล่นได้มากกว่าปกติ หมายความว่าเราโจมตีด้วยการ C-bet เขาได้มากขึ้นจากความผิดพลาดที่เขานำไพ่มาเล่นมากกว่าปกติ ดังแถบที่แสดงด้วยสีแดง เปรียบเทียบกับการเล่นด้วย GTO แนะนำด้วยแถบสีเขียวโดยส่วนใหญ่ใน หลายๆ Flop ดังบรรทัดสุดท้ายที่แสดงค่าเป็นค่าเฉลี่ย ( Average  )

 

สรุปแผนการ Exploit  โจมตีจากแผนการเล่นที่ผิดพลาดก่อนหน้า  (Retro Active)

เนื่องจากคู่ต่อสู้ที่ Passive นำไพ่เข้ามาเล่นกว้างกว่าปกติทำให้เราสามารถ โจมตีด้วยความถี่ที่สูงกว่าปกติด้วยเช่นเดียวกัน (C-Bet มากกว่าปกติ) เนื่องจากไพ่ใน Range ของคู่ต่อสู้นั้นส่วนใหญ่จะไม่สามารถติดอะไรได้ และ ใช้ขนาดที่ใหญ่ขึ้นในบางบอร์ดที่มีความเหมาะสม เพิ่ม Value ให้กับ Nut Advantage ใน Range ของเรา เราสามารถสรุปแผนการเล่นได้ดังนี้

  • คู่ต่อสู้มักจะไม่มีการเล่นที่ดุดันหรือ Aggressive หากเรา Passive
  • ไม่ควร Slow-Play ไพ่ที่มีความแข็งแกร่งของเรา
  • หาก Range ของเรา Capp สามารถที่จะ Check ได้บ้าง
  • คู่ต่อสู้จะไม่มีการตอบโต้แม้ว่าเราจะเล่นด้วยแผนการเล่นที่แน่นอนแบบใดแบบหนึ่ง แบบเปิดไพ่เล่น (เพราะเขา Passive)

 

วางแผนการเล่นต่อเนื่อง Pre-Emptive

การวางแผนการเล่นด้วยการ Exploit อย่างถูกต้องต่อเนื่องกับคู่ต่อสู้ ด้วย Pre-Emptive คือการโจมตีไปยังการเล่นที่คู่ต่อสู้ใช้ในขณะนั้นและวางแผนไปยังการเล่นในรอบต่อไป

ยกตัวอย่างเช่น การที่เรา Range-Bet ที่ Flop โดยอาศัย Range ที่คู่ต่อสู้นำมาใช้ในรอบ Pre-Flop ทำให้เราคาดเดาแผนการเล่นของคู่ต่อสู้ได้ว่า คู่ต่อสู้จะ Call ด้วยไพ่ในลักษณะใดบ้างจาก พฤติกรรมของเขา ยกตัวอย่างเช่น ในบอร์ด A♠A♥6♦ ที่เรา Range-Bet  คู่ต่อสู้ ที่เป็นผู้เล่นที่ Passive มักจะไม่หมอบไพ่ที่มีโอกาสชนะได้น้อย หรือ ไพ่ที่มี Equity ต่ำ ดังภาพด้านล่าง

 

 

 

คู่ต่อสู้จะไม่หมอบ ไพ่ 6 , ไพ่ King High, ไพ่ Draw ต่างๆ ,ฯลฯ ดังภาพ และจากแผนการเล่นของเราจะสร้างแผนการเล่นต่อเนื่องคือ

  • คู่ต่อสู้มีโอกาสที่จะหมอบที่ Turn ได้มากขึ้นจากไพ่ที่แย่ลงเรื่อยๆ
  • เรามีโอกาสที่จะ Realize Equity (สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความเรื่อง “ทำความเข้าใจกับ Equity Realization”) เพิ่มขึ้นได้ ทั้งจาก Value และ Bluff ที่ Turn และ River หรือ Check-Back ได้ตามแผนการที่เราต้องการ
  • คู่ต่อสู้แม้จะมีไพ่ที่แข็งแกร่ง แต่ด้วยความที่เป็นผู้เล่นประเภท Passive เขาจะไม่มีการ Check-Raise หรือ Raise กลับมาทำให้ Fold-Equity เราน้อย และไร้ความกดดันในการเล่น
  • เราสามารถทำกำไรได้มากขึ้นจากไพ่ที่แข็งแกร่งของเราเนื่องจากคู่ต่อสู้ที่ Passive จะไม่หมอบไพ่ของเขาง่ายๆ

 

สรุปบทความ

แผนการเล่นกับผู้เล่นที่เป็น Passive Player นั้น เราสามารถทำกำไรได้สูงสุด (Maximize EV) จาก

  • สร้าง Pot ให้ใหญ่ ด้วยการ Value Bet ทำให้ผลตอบแทนคุ้มค่าจากการ Over-Realize Equity (การเล่นส่งผลให้โอกาสชนะสูงขึ้นกว่า Equity ที่มี)
  • เมื่อผู้เล่น Passive Player ดุดันกลับมาด้วยการ Bet, Raise หรือ Re-Raise คุณควรเลือกที่จะหมอบไพ่โดยส่วนใหญ่ที่ไม่แข็งแกร่ง
  • ลดการ Bluff ที่ River ลงหากคู่ต่อสู้สามารถ Call ทั้งสอง Street ได้ (Flop-Turn) หากไพ่ที่ River ไม่ได้เอื้อให้คุณ Bluff

ผู้เล่น Passive นั้นมีอยู่ทุกที่ในทุกๆ ระดับ มองหาผู้เล่นประเภทนี้เนื่องจากเขาเหล่านี้คือผู้เล่นที่จะช่วยให้คุณสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าในการแข่งขันโป๊กเกอร์

Share to